#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น CKP แนะนำ "ซื้อ" พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ขึ้นเป็น 5.00 บาท จากเดิม 4.36 บาท CKP กำลังอยู่ในวัฎจักรการปรับเพิ่มกำไรจากตลาดตามความน่าจะเป็นมากขึ้นที่จะเกิด La Niña และวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่จบรอบแล้วโดยเฉพาะใน 2H67 โดยฝ่ายวิจัยเห็นความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะเกิดภาวะ La Niña ถึงราว 65-75% ในช่วงเดือน ส.ค.- พ.ย. 2567 (เทียบกับ 55-65% จากการประมาณการณ์ก่อนหน้านี้) นอกจากนั้น มองว่าการที่หุ้นกู้ของ CKP ถูกปรับลดเรตติ้งลงเป็น “BBB+” จะเป็นเพียงประเด็นชั่วคราวและไม่มีนัยสำคัญมาก

ตอกย้ำถึงโอกาสเกิดสภาวะ La Niña 

ฝ่ายวิจัยยังคงเห็นความเป็นไปได้สูงขึ้นต่อเนื่องสำหรับการเกิด La Niña ใน 2H67 ราว 65-75% ในเดือน ส.ค. -พ.ย.67 (เทียบกับ 55-65% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้) ในระยะสั้นถึงแม้ความน่าจะเป็นที่จะเกิด El Niño สูงขึ้นในเดือนมี.ค.67 แต่แบบจำลองสากลทุกแห่งชี้ว่ามีโอกาสที่จะกลับมามีสถานะเป็น Neutral ช่วง เม.ย.- ก.ค.67 ก่อนที่จะเกิดภาวะ La Niña นับตั้งแต่เดือน ก.ค.67 ดังนั้นผลกระทบเชิงลบน่าจะค่อย ๆ ลดลงหลังกระแสน้ำและปริมาณฝนตกเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะใน 2H67) นอกจากนี้เนื่องจากเกิด El Niño ในปี 2566 เราจึงได้รู้ว่าโครงการหลวงพระบาง (730MWe, SCOD: 2573) เดินหน้าได้เร็วขึ้นถึง 3 เดือนโดยก่อสร้างเสร็จไปแล้วราว 26% ในเดือน ก.พ.67 จากการ site visit ที่เราไปมาล่าสุด

ถูกปรับลดเรตติ้งหุ้นกู้ CKP กระทบไม่มาก

เชื่อว่าการที่บริษัททริสเรตติ้งปรับลดเรตติ้งหุ้นกู้ CKP ลงเป็น “BBB+” จากเดิม “A-” ไม่น่าจะมีนัยยะมากนัก จากความกังวลต่อสัดส่วนหนี้สิน/EBITDA ของ CKP ซึ่งคาดจะสูงกว่าหรือเท่ากับ ≥5x ในปี 2567-2569 บางคนคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายอาจสูงขึ้น 25-50bps สำหรับหุ้นกู้ชุดใหม่ แต่ทั้งนี้หาก CKPจ่ายคืนหุ้นกู้โครงการ NN2 และ BIC1-2 ปี 2567-2568 แล้ว เรตติ้งน่าจะได้รับการปรับกลับมาที่เดิมอีกครั้ง ทั้งนี้ช่วงปลายเดือน เม.ย. 67 CKP กำลังจะออกหุ้นกู้ (ราว 4 พันลบ.) ระยะเวลา 3-10 ปี ด้วยดอกเบี้ยราว 3.2-4.1% ซึ่งต่ำกว่าชุดหุ้นกู้ปี 2566 ราว 66-151bps ซึ่งอาจช่วยให้ต้นทุนเงินกู้ของ CKP ต่ำลงได้ระดับหนึ่ง (จากเฉลี่ยอยู่ที่ 3.76% ปี 2566) นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักมากถึงความเป็นไปได้ที่ FED จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2567 ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ลดทุก 25bps จะทำให้กำไร CKP เพิ่ม 90-95 ลบ./ปี

ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2567-69F ขึ้น 10-15%

การปรับเพิ่มกำไรของเราสะท้อน capacity factor ของ XPCL เพิ่มขึ้นเป็น 67-68% (จาก 60-65%) และของ NN2 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 33-35% (จาก 32-33%) หลังจากการปรับขึ้นแล้วกำไรสุทธิปี 2567-69F คาดจะเติบโต 26%/19%/10% YoY บนสมมติฐานที่ปริมาณน้ำเข้ามามากขึ้นตามโอกาสเกิด La Niña ทั้งนี้ในวันที่ 10 พ.ค. เราคาดว่า CKP จะรายงานงบ 1Q67 ด้วยผลขาดทุนสุทธิที่ 113 ล้านบาท (N.A. QoQ และ -8% YoY) และขาดทุนหลักอยู่ที่ 135 ล้านบาท (N.A. QoQ และ -29% YoY) (ไม่รวมกำไร FX) ผลขาดทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้น YoY จะเป็นเพราะผลการดำเนินงานที่แย่ลงและต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มของ XPCL ขณะที่ การลดลง QoQ คาดเป็นเพราะ low season ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยทั้ง XPCL และ NN2 น่าจะมีปริมาณผลิตไฟที่ 1,067GWh (-43% QoQ และ -16% YoY) และ 375GWh (-15% QoQ แต่ +18% YoY)

แนะนำ "ซื้อ" อัพเป้าใหม่เป็น 5 บาท

ยังแนะนำ ซื้อ พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ขึ้นเป็น 5.00 บาท จากเดิม 4.36 บาท CKP กำลังอยู่ในวัฎจักรการปรับเพิ่มกำไรจากตลาดตามความน่าจะเป็นมากขึ้นที่จะเกิด La Niña และวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่จบรอบแล้วโดยเฉพาะใน 2H67 ตามที่ฝ่ายวิจัยได้แนะกลยุทธ์ลงทุน “ซื้อรอล่วงหน้าได้เลย” ในบทวิเคราะห์ก่อนหน้า (วันที่ 24 มกราคม 2567) Risks ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overrun และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1