#CHOW #ทันหุ้น - CHOW ธุรกิจพลังงานไปได้สวย แย้มอยู่ระหว่างลุ้นผลงานภาครัฐหลายสิบเมก คาดรู้ผลเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งเป้ามีกำลังผลิตสิ้นปี 200 เมกะวัตต์ ส่วนธุรกิจเหล็กทิศทางที่ดี หลังปรับกลยุทธ์ OEM รับสองเด้งทั้งค่าการผลิตและนำผลิตภัณฑ์กลับมาเทรดอัพมาร์จิ้น

นายปรมัตถ์  จุฬวนิช  ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet)รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อย เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ปัจจุบันมีงานเข้ามาใหม่เรื่อยๆ ซึ่งบริษัทมีธนาคารเป็นพันธมิตรทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อกรีนเอ็นเนอร์จีได้

** ลุ้นคว้างานรัฐ

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรองานจากภาครัฐรอบ 2 ที่เพิ่งจะบิดเพิ่ม ซึ่งมีกำลังผลิตหลายสิบเมก โดยเทคนิคบริษัทผ่านเกณฑ์แล้ว คาดว่าจะรู้ผลในเดือนมิถุนายนนี้

“ในส่วนของพลังงานเรายังได้ตามแผนที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งมีนี้คาดจะมีกำลังผลิตอยู่ที่ 200 เมกะวัตต์ ส่วนปีหน้า 300 เมกะวัตต์ ตอนนี้มีค่าไฟและค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคาร์บอนเทคที่จะออกมา อาจจะมีผลต่อต้นทุนของบริษัทหลายแห่ง” นายปรมัตถ์ กล่าว

สำหรับการเข้าร่วมลงทุนกับกองทุน BlackRock นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจทางด้าน Solar Rooftop ของกลุ่ม CHOW ในประเทศไทยและเวทีสากลแล้ว ยังมีผลบวกในด้านความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านเงินทุน ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อใหม่ๆ ที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ และส่งเสริมในด้านของภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรและเป็นที่รู้จักในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ถือเป็นการสร้างพื้นฐานที่สำคัญให้กับธุรกิจพลังงานทดแทนไว้เป็นอย่างดี

** ธุรกิจเหล็กสดใส

ส่วนธุรกิจเหล็กถือว่าอยู่ในทิศทางที่ดี หลังจากได้มีการปรับมาเป็นผู้รับจ้างผลิตเหล็กแท่งบิลเล็ตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM)ซึ่งได้ค่าการผลิตทำให้ Fund Flow นิ่ง ขณะที่ผ่านบริษัทได้มีการลงทุน 600-700 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงโรงงานทำให้ต้นทุนดีขึ้น โดยมีกำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 3 แสนตัน และหลังจากเทศกาลสงกรานต์จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนตัน

“ปัจจุบันเหล็กเราถือว่าเป็นผู้ชนะในตลาด ออเดอร์ที่เราทำมาผลิตได้เท่าไหร่ลูกค้ารับหมด เราขายให้ SCG ดิสทรีบิวชั่น ด้วยตลาดเค้าใหญ่มาก เราเป็น OEM ที่จะได้รับ 2 ส่วน คือ ค่าการผลิตและเราเอาผลิตภัณฑ์ที่เค้าซื้อเรากลับมาเทรดได้ ซึ่งเราตกลงกับลูกค้าแล้ว” นายปรมัตถ์ กล่าว

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายปรมัตถ์ กล่าวว่า มั่นใจในปี 2567 CHOW มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากปี 2566 หลังจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการทั้งในธุรกิจเหล็ก และธุรกิจพลังงาน โดยในธุรกิจเหล็กปัจจัยหนุนจะมาจากการเริ่มฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ใช้ในธุรกิจก่อสร้างฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน

ส่วนธุรกิจพลังงานมีทิศทางเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ต่อเนื่องจากปี 2566 โดยปัจจัยหลักมาจากภาคเอกชนให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และให้ความร่วมมือแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ โดยตั้งเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการส่งออก โดยบริษัทมีเป้าหมายจะมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเพิ่มเป็น 250 เมกะวัตต์ในปีนี้ ในขณะที่ธุรกิจพลังงานในต่างประเทศยังเดินหน้าต่อไปทั้งในญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=