SCGP กำไร 1,725 ลบ. +41% ดีกว่าโบรกคาดที่ 1.4-1.5 พันล.

#SCGP #ทันหุ้น - บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 1,724.65 กำไรต่อหุ้น 0.40 บาท เพิ่มขึ้น 41.31% เทียบกับงวดไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 1,220.49 กำไรต่อหุ้น 0.28 บาท

บล.ฟินันเซียไซรัสออกบทวิเคราะห์วันที่ 10 เม.ย. คาดกำไรที่ 1,400 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 43.00 บาท

บล.เมย์แบงก์ออกบทวิเคราะห์วันที่ 10 เม.ย. คาดกำไรที่ 1,475 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 42.00 บาท

บล.หยวนต้าออกบทวิเคราะห์วันที่ 10 เม.ย. คาดกำไรที่ 1,478 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 34.00 บาท

บล.กรุงศรีพัฒนสินออกบทวิเคราะห์วันที่ 10 เม.ย. คาดกำไรที่ 1,484 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 38.50 บาท

ผลการดำเนินงานโดยสรุป

ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2567อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเชียนเติบโตขึ้นโดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการ และการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในประเทศไทย และประเทศเวียดนาม รวมถึงกิจกรรมการเลือกตั้งในประเทศอินโดนีเซียที่เป็นปัจจัยในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้การส่งออกสินค้าบางประเภทมีการปรับตัวดีขึ้น เช่น อาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง ผลไม้สด เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการลดลงของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก ส่งผลให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเติบโต อย่างไรก็ตามวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ของประเทศจีนและประเทศเวียดนาม และความต้องการที่ชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์ในไตรมาสนี้

ในด้านต้นทุน ต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ต้นทุนด้านพลังงานอยู่ในระดับทรงตัว ขณะที่ค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและเริ่มลดลงในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น SCGP สามารถปรับตัวและรักษาความสามารถในการดำเนินงาน และยังสร้างโอกาสในการรักษาห่วงโซ่อุปทานเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปผลการดำเนินงานของ SCGP ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2567

รายได้จากการขายรวม 33,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

รายได้จากการขายเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ และการเทียบเคียงกับฐานที่ต่ำในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566

นอกจากนี้อุปสงค์ของสินค้าพุ่มเฟือยมีการปรับตัวดีขึ้นจากอัตราเงินเอทั่วโลกและในภูมิภาคที่ลดลงสอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มฟื้นตัว

รายได้จากการขายเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก เนื่องจากความต้องการบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคเติบโตได้ดีซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

การเตรียมสินค้าก่อนช่วงวันหยุดยาว นโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐในประเทศไทย และการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในประเทศอินโดนีเซีย ประกอบกับการปรับตัวที่ดีขึ้นของภาคส่งออกในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะในกลุ่มอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และรองเท้า

EBITDA เท่ากับ 5,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมี EBITDA margin อยู่ที่ร้อยละ 15

กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 5

กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายและอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) ที่เพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์หลัก ควบคู่ไปกับการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า

กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายและราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ในตลาดหลักและการปรับตัวที่สูงขึ้นของราคาเยื่อกระดาษทั่วโลก รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการเครือข่ายการจัดหาวัตถุดิบท่ามกลางแนวโน้มราคาที่สูงขึ้นของวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล(Recovered paper: RCP)

การวิเคราะห์ Core Profit และ Core EBITDA

ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 Core EBITDA เท่ากับ 5,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ Core Profit เท่ากับ 1,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีรายการที่นอกเหนือจากการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้ยืมและเงินลงทุน