> Trendtalk > AEONTS

05 มิถุนายน 2020 เวลา 06:20 น.

AEONTS

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1400 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1370 จุดขึ้นไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1480 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1370 จุด


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ AEONTS หรือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อย (Retail Finance) แก่ลูกค้าในหลากหลายรูปแบบทั้งสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อส่วนบุคคล และ อื่นๆ


ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีรายได้รวม 20,348 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,975 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 15.90 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีรายได้รวม 18,644 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,506 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 14.03 บาท

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบมจ. อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) เป็น "แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ" จาก "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" และคงอันดับเครดิตที่ 'A-(tha)'


"แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ" สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ที่เชื่อว่าสถาบันการเงินในประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจที่รุนแรงซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส


ในขณะที่การคงอันดับเครดิตแม้ว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานจะมีความท้าทายเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการที่ฟิทช์เชื่อว่าสถานะทางเครดิตของ AEONTS น่าจะสามารถทรงตัวอยู่ในระดับอันดับเครดิตปัจจุบันได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเครือข่ายธุรกิจและยังมีฐานะเงินกองทุนและสภาพคล่องที่สามารถรองรับความเสี่ยงได้ในระดับที่เพียงพอเทียบกับอันดับเครดิตปัจจุบัน

AEONTS เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภค (consumer finance) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีความชำนาญในธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน (unsecured lending) บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลค่อนข้างสม่ำเสมอที่ประมาณ 9%-10% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ของ AEONTS ยังได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศและมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น


ฟิทช์เชื่อว่าการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสจะส่งผลให้สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมาก โดยเศรษฐกิจไทย (GDP) จะหดตัวลงในอัตรา 5.1% ในปี 2563 ซึ่งจะเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในเอเชียปี 2540-2541 อีกทั้งประเทศไทยยังคงมีสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนในระดับค่อนข้างสูง (ที่ประมาณ 80 % ของ GDP ณ สิ้นปี 2562) ซึ่งจะส่งผลให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในภาวะที่อัตราการจ้างงานหรืออัตราค่าจ้าง (employment and wages) มีการปรับตัวแย่ลงอย่างมากเป็นเวลาต่อเนื่อง


แม้ว่าระยะเวลาของการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของระดับการฟื้นตัวยังคงมีความไม่แน่นอนในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าสภาพแวดล้อมในอนาคตและแนวโน้มผลประกอบการของสถาบันการเงินไทยได้ปรับตัวอ่อนแอลงไปอย่างมากแล้ว โดยเฉพาะในภาคธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึง AEONTS น่าจะต้องเผชิญกับแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์และรายได้ที่ปรับตัวแย่ลง แม้ว่าทางการจะมีมาตรการผ่อนปรนในด้านการจัดชั้นสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งอาจช่วยชะลอผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ได้บ้าง แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะป้องกันการปรับตัวด้อยลงของคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ได้ และฟิทช์เชื่อว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพจะเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า


อัตราส่วนทางการเงินในด้านอัตรากำไรของ AEONTS (ซึ่งคำนวนจากกำไรก่อนภาษี/สินทรัพย์รวมเฉลี่ย) อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่ามาตรฐาน (benchmark) ของบริษัทอื่นในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งน่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงจากการปรับตัวลดลงของรายได้ได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ฟิทช์ยังเชื่อว่าบริษัทจะสามารถรักษาฐานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เพียงพอได้ต่อเนื่อง แม้จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากรายการพิเศษหลังการใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 AEONTS มีแหล่งเงินทุนที่ค่อนข้างหลากหลายเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคารรายอื่น เนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคาร (เนื่องจากกลุ่มบริษัทแม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคาร) และมีประวัติการระดมทุนในตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง


ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต กลับมาเป็น "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" หากความท้าทายจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ตัวอย่างเช่น การที่บริษัทสามารถมีความแข็งแกร่งทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดย AEONTS สามารถรักษาอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญด้านคุณภาพสินทรัพย์ (เช่น สินเชื่อด้อยคุณภาพ) ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเหตุการณ์แพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส และการที่บริษัทสามารถเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นให้ปรับตัวกลับมาสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วหลังจากผลกระทบเชิงลบจากการใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9


ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต หากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวแย่ลงกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ รายได้ และฐานะเงินกองทุนของ AEONTS ได้รับผลกระทบในเชิงลบในระดับที่มากกว่าคาดการณ์ โดยตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้จากการที่บริษัทมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่สูงกว่า 5% อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการมีอัตราส่วนรายได้ที่ด้อยลงซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถที่จะสะสมเงินกองทุนลดลง (internal capital generation)


AEONTS มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 143.80 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 180 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 105 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 148 ซึ่งคิดเป็นระดับ 38.20% ของการปรับตัวลดลงในรอบที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 160-163 และมีแนวต้านสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 170 โดยมีแนวรับสำคัญที่ 135 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค


สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X