ทันหุ้น-สู้โควิด-BEMฝ่าโควิดกำไรQ2 ไม่แย่ได้ 152 ล้านบาท ผู้บริหารรับพ้นจุดต่ำสุดแล้ว Q3 ยอดใช้ทางด่วนกลับมาปกติ ขณะที่รถไฟฟ้าเดือนกรกฎาคมยอดแตะ 80% ชี้เปิดเรียนปกติ 17 ส.ค.นี้ หนุนอีก ด้านโบรกรับเหนือคาด ชูเป็นหุ้นธีมพ้นมรสุมโควิด เม็ดเงินไหลเข้า เชื่อไตรมาส 3 กำไรพุ่งคืน 7-8 เท่า เต็งสายสีส้ม เคาะเป้า 13 บาท

นางพเยาว์ มริตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2563 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 152 ล้านบาท ลดลง 80.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่หากนับรวมกำไรจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนในบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTWกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2ลดลง 95.1%เนื่องจากไม่มีรายการดังกล่าวในปีนี้

ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจหลัก 2,489 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 35.6% โดยรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 1,506 ล้านบาท ลดลง 40.3%ล้านบาท รายได้ค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถอยู่ที่ 816 ล้านบาท ลดลง 29.8% ล้านบาท และรายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์อยู่ที่ 167 ล้านบาท ลดลง 8.2% ในส่วนของรายได้อื่นจำนวน 274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น321.5% จากการบันทึกเงินปันผลรับจาก TTW เป็นรายได้แทนการบันทึกส่วนแบ่งกำไร

ด้านนายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร BEM ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2563ที่ออกมานับว่าต่ำสุดแล้ว ขณะที่ไตรมาส 3เป็นต้นไปผลงานจะกลับมาใกล้เคียงกับปกติ เนื่องจากปริมาณการใช้ทางด่วนซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทกลับมาเป็นปกติแล้วโดยเดือนกรกฎาคม 2563 ปริมาณรถใช้ทางด่วนเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 1.1 ล้านเที่ยว คิดเป็น 92% ของปริมาณรถกรกฎาคมปี 2562  ขณะที่ผู้โดยสารรถไฟฟ้ากรกฎาคม 2563 อยู่ที่วันละ 2.53 เที่ยว คิดเป็น 80% ของปริมาณผู้โดยสาร กรกฎาคม 2562 โดยประเมินว่าการกลับมาเปิดเรียนทุกวันของนักเรียนตั้งแต่ 17 สิงหาคม จะทำให้ปริมาณการใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ตัวเลขกำไรของ BEM ที่ออกมานั้นนับว่าสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 2 น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ไตรมาส 3จะมีการกลับมาเติบโตเป็นปกติ จากจำนวนผู้ใช้ทางด่วนที่กลับมาตั้งแต่ช่วงมิถุนายน โดยปริมาณจราจรทางด่วนขณะนี้กลับมา 1.1-1.2 ล้านคัน/วัน เท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด ซึ่งธุรกิจทางด่วนคิดเป็น 75% ของรายได้ ขณะที่ไตรมาส 3นับเป็นไฮซีซั่นของการเดินทางทั้งทางด่วนและการโดยสารรถไฟฟ้า ประกอบกับการกลับมาเปิดให้นักเรียนไปโรงเรียนทุกวันในช่วง 17 สิงหาคมเป็นต้นไป จะทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ BEM ยังมีต้นทุนค่าเสื่อมทางด่วนที่หายไปเต็มไตรมาสซึ่งจะทำให้สามารถบันทึกกำไรได้เต็มๆ

@ กำไรQ3โต7-8เท่า

นายสรพล คาดการณ์ กำไรไตรมาส 3 ของ BEM จะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 700-800 ล้านบาท หรือ เติบโต 7-8เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 จากทั้งปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้น ส่วนการโดยสารรถไฟฟ้าปัจจบันอยู่ที่ระดับ 300,000-350,000 คน ซึ่งก็ถือว่ากลับมาในระดับ 70% จากระดับสูงสุด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงเรียน อย่างไรก็ดีจากเนื่องจากธุรกิจรถไฟฟ้ามีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 20%ของ BEM

โดย BEM ยังมีประเด็นที่จะเป็นอัพไซด์เพิ่มเติม คือ การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจากรายชื่อที่ซื้อซองเข้าร่วมประมูล โอกาสเป็นของ 2กลุ่มชัดเจน คือ BEM กับ BTS และพันธมิตร แต่ยังให้น้ำหนักของ BEM ที่จะชนะประมุลสูงกว่า เนื่อวจากมีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างและบริหารรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยจะทราบผลในเดือนตุลาคมนี้

@ เข้าข่ายหุ้นพ้นมรสุม

นอกจากนี้ BEM ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีโอกาสกลับมาเป็นที่สนใจอีกรอบ โดยขณะนี้กระแสเงินทุนเริ่มขายหุ้นในกลุ่มโควิด และเข้าหุ้นที่ยังไม่ได้ปรับขึ้นมามากนัก (laggard) เช่นAOT MINT และกลุ่มธนาคาร โดย BEM ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน

ด้านบริษัทเมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า จังหวะสะสม “ซื้อ” ของ BEM ที่ดีอยู่ในเดือนสิงหาคม ช่วงประกาศกำไร ก่อนที่หุ้นจะเริ่มเดินหน้าในปลายไตรมาส 3/63เนื่องจากการฟื้นตัวจะออกมาในเกณฑ์ที่ดี พร้อม ๆ กับการเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4แสนล้านบาท ในเดือนตุลาคมซึ่ง BEM เป็นตัวเต็งในครั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี นี้ที่ 2.9 พัน ลบ. ตามเดิม หดตัว -47% YoY จากนั้นคาดจะฟื้นต่อ+17% YoY ในปี 2564เป็นกำไร3.4 พัน ลบ. ได้ประโยชน์เต็มที่จะโครงสร้างสัมปทานทางด่วนใหม่ และปริมาณผู้ใช้บริการฟื้นตัว แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมตามเดิม 13.00บาท/ หุ้น อิง SOTP