BDMS รายงานกำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท หดตัวลง 54%YoYจากรายได้ที่ลดลงเพราะจำนวนผู้ป่วยที่ลดลง จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้รายได้จากผู้ป่วยชางต่างชาติลดลง โดยเฉพาะผู้ป่วยจากกลุ่มตะวันออกกลาง พม่า และออสเตรเลีย ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายสินค้าและอาหาร ลดลง 6%YoYจากการลดลงรายได้ส่งออกของเอ.เอ็น.บี.ด้านรายการพิเศษบันทึกเข้ามา 1.169 พันล้านบาทจากการขาย BH ส่วนใน 4Q63 รายงานกำไรสุทธิ 2.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY โดยคิดเป็น 33% ของกำไรสุทธิทั้งปี ทำให้เราประเมินการฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2564 ทั้งนี้มีการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท/หุ้น ขึ้น XD 10 มี.ค. 64 คิดเป็น dividend yield เท่ากับ2.64%

สำหรับแนวโน้มในปี2564 BDMS มองว่าธุรกิจจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นจากการมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยภาครัฐควบคุมสถานการณ์ได้ จะทำให้ผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศจะกลับมากขึ้น ทั้งนี้มรกลยุทธ์หลัก 4 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1. การเพิ่มจำนวนผู้รับบริการ โดยเน้นผู้ป่วยในประเทศเป็นหลัก 2. การขยายฐานลูกค้าประกันสุขภาพ โดยจะร่วมมือกับบริษัทประกันทั้งในและต่างประเทศ ออกกรมธรรม์ประกันสุขภาพเฉพาะให้กับกลุ่ม BDMS มากขึ้น รวมถึงช่วยกระขายพอร์ทรายได้ 3. พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เน้นการปรึกษาแบบ Telemedicine รวมทั้งสร้าง Health applicationเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้า และ 4. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและมาตรฐานการรักษา เพื่อให้เป็นไปตาม JCI ในระดับสากล ส่วนแนวโน้ม 1Q64 อาจจะยังไม่ฟื้นตัวดีมากนักเพราะผู้ป่วยต่างชาติยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก2 กดดันให้ลูกค้าในประเทศลดลง แต่เรามองว่ามีความน่าสนใจตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้ เป็นต้นไปที่ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัว รวมถึงยังมีปัจจัยบวกที่รออยู่จากประเด็น ภาครัฐอนุมัติให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ได้

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค แท่งเทียนแกว่งตัวสร้างฐานแนวรับ 20.00-19.90 อย่างมีนัยสำคัญ และกลับตัวขึ้นผ่านยืนแนวต้านSMA25วันที่ทำหน้าที่เส้นแนวต้านขาลง 20.60ขึ้นมาด้วยแท่งเทียนสีขาวยาวเป็นสัญญาณซื้อแท่งเทียน แนวโน้มกลับรูปแบบU-Shape แนวต้านจุดทดสอบ 21.20/21.70 ระหว่างวันเน้นยืนกรอบแนวรับ 20.60-20.50

คำแนะนำของ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือ เพิ่มการลงทุน/แนวต้าน 21.20/21.70 มีโอกาสทดสอบ

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 20.50/20.00 ไม่ควรต่ำกว่า