> SET > TISCO

19 เมษายน 2021 เวลา 13:05 น.

TISCO โกยกำไร Q1/64 ที่ 1.76 พันลบ.โต 18.7% , ตั้งสำรองลดลง

ทันหุ้น- บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 1/64 มีกำไร 1,763.64 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,486.07 ล้านบาท จากการดำเนินธุรกิจหลักที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจตลาดทุน และการรับรู้กำไรพิเศษจากเครื่องมือทางการเงิน ประกอบกับการตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่ลดลง จากการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลง 10.1% จากพอร์ตสินเชื่อที่ชะลอตัวและการลดลงของสัดส่วนสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 36.9% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมตลาดทุน ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานของธุรกิจจัดการกองทุน จากการออกกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจจากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา 

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้  เปิดเผยว่า ภายใต้โจทย์ในการดำเนินธุรกิจที่มีปัจจัยท้าทายรอบด้าน กลุ่มทิสโก้ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/64 จำนวน 1,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุน ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการนำเสนอขายกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และดีลการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ครั้งแรก (IPO) รวมถึงทิสโก้มีกำไรพิเศษจากมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย


**NPL ทรงตัวที่ 2.5%


นอกจากนี้  ในไตรมาสที่ผ่านมา การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตของทิสโก้ปรับตัวลดลง ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระดับ NPL ที่ทรงตัวที่ 2.5% รวมทั้งบริษัทได้กันสำรองครอบคลุมความเสี่ยงด้านเครดิตไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้ระดับเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) อยู่ในระดับสูง และแม้ว่าการปล่อยสินเชื่อจะยังไม่กลับสู่การเติบโต แต่ถือเป็นไปตามนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังของบริษัท 


“ธุรกิจเสาหลักของทิสโก้ประกอบด้วย 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจ Wealth Management ธุรกิจ Retail Banking และธุรกิจ Corporate Banking โดยทุกกลุ่มอยู่ภายใต้การสนับสนุนของบริษัทแม่ และแต่ละกลุ่มมีส่วนส่งเสริมซึ่งกันและกัน ขณะที่ความเสี่ยงกระจายตัวแยกกันชัดเจน จึงช่วยรักษาสมดุลด้านรายได้และทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องขณะที่กลยุทธ์การทำงานภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง กลุ่มทิสโก้จะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เลือกทำในสิ่งที่ชำนาญ รวมถึงแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากความชำนาญนี้ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า พร้อมปรับกระบวนการในการดำเนินการ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นตัวช่วยในการต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการที่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า และเพื่อให้ธุรกิจผ่านพ้นวิกฤตและเติบโตได้อย่างยั่งยืน”นายศักดิ์ชัย กล่าว 

 

**OR หนุนรายได้


ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้สำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 จากรายได้จากธุรกิจหลักที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจตลาดทุน และการรับรู้รายได้พิเศษจากเงินลงทุน ประกอบกับการตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่ลดลง โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 3.9% สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนที่เติบโต 47.0% จากการออกขายกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ประกอบกับรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจที่ขยายตัว 48.1% จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และการเป็นหนึ่งในผู้นำในการจัดจำหน่ายและการรับประกันการจำหน่วยหุ้นเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR 


นอกจากนี้ยังมีการรับรู้กำไรพิเศษจากมูลค่าเงินลงทุน รวมถึงยังมีการรับรู้กำไรพิเศษจากมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 313 ล้านบาท 


อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงอ่อนตัว สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับเมื่อไตรมาส 1 ของปีก่อน สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลง 10.1% จากพอร์ตสินเชื่อที่ชะลอตัว ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 3.5% ตามทิศทางการฟื้นตัวของรายได้ ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) อยู่ที่ 1.5% ของสินเชื่อ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่บริษัทยังคงดำเนินนโยบายการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 17.5%    


สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 มีจำนวน 220,757 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากสิ้นปีก่อนหน้า จากการชะลอตัวของสินเชื่อรายย่อย ตามการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังในภาวะความเสี่ยงที่สูงขึ้น ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจยังคงเติบโตได้ดี ท่ามกลางภาวะที่การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ไม่เอื้ออำนวย ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทรงตัวอยู่ที่ 2.5% จากมาตรการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทมีระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) อยู่ที่ 222% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2564


ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 23.0% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.3% และ 4.7% ตามลำดับ


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X