> SET > AJ

23 กันยายน 2021 เวลา 08:30 น.

AJดีมานด์แผ่นฟิล์มพุ่ง PTLไฮซีซัน-ราคาขายคืน

ทันหุ้น – AJอนาคตสดใส แพ็กเกจจิ้งดีมานด์ดีต่อเนื่อง ดันยอดขายแผ่นฟิล์มพุ่ง พร้อมเข้าไฮซีซันขาย BOPA ในต่างประเทศ ปักธงปีนี้ปริมาณขายโต 10% พร้อมทุ่ม 1,400 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านโบรกมองแวลูเอชันน่าสนใจ ขณะที่การร่วมมือกับ SCG Chemicals หนุน Upside และ Synergy เพิ่มเติม ด้าน PTL ประเมินไตรมาส 2/2564 ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นราคาขาย และเป็นไซซีซันของธุรกิจ PET


แหล่งข่าวจาก บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปริมาณการขายไตรมาส 3/2564 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง คาดปริมาณการขายทั้งปีจะเติบโต 10% จากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยสัดส่วนอยู่ที่ในประมาณ 40% และเป็นสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 60% สำหรับปีนี้แผ่นฟิล์ม BOPP ที่ใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนเติบโตได้ต่อเนื่อง จากดีมานด์ทั่วโลก สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการใช้งานในส่วนการพิมพ์ซอง เพื่อใช้บรรจุสินค้าอุปโภคและบริโภค สร้างความปลอดภัยและควบคุมอาหารให้มีอายุยาวนานขึ้น รวมไปถึงความต้องการจากการส่งสินค้าออนไลน์


นอกจากนี้ยังเป็นช่วงไฮซีซันของ แผ่นฟิล์ม BOPA Filmที่มีความต้องการใช้สูงขึ้นช่วงปลายปีรวมไปถึงแนวโน้มการขยาย Mono Material Packaging จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่ต้องใช้สินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น  ซึ่งบริษัทมีการขยายตลาดไปยังประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นมองว่าสินค้ากลุ่มนี้จะเป็นสินค้ากลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง และมีโอกาสการขยายตัวได้ดีในอนาคต


*ทุ่ม 1,400 ล้านอัพการผลิต

พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าการขยายกำลังการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะใช้เงินลงทุน 1,400 ล้านบาท คาดว่าเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงระยะปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 ส่วนการร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (SCG) เพื่อขยายธุรกิจในประเทศเวียดนาม ยังเดินหน้าต่อเนื่อง อาจจะมีล่าช้าเรื่องการก่อสร้างบ้าง เพราะเวียดนามก็มีติดปัญหาจากสถานการณ์โควิด แต่ยังคงคาดว่าเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาช่วงปลายปี 2565 ซึ่งโดยรวมแล้วอุตสาหกรรมแพ็กเกจจิ้งยังเติบโตได้ต่อเนื่อง


ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง AJ ว่าในตลาดแผ่นฟิล์มแข็งแกร่งมาก มี Position ในตลาดแผ่นฟิล์มที่แข็งแกร่งมาก โดยบริษัทนับเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในโลกที่ผลิตแผ่นฟิล์ม BO ครอบคลุมทุกชนิดรวมถึงแผ่นฟิล์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร และปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มผู้ผลิตแผ่นฟิล์ม BOPP ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึง 16% นอกจากนี้เนื่องจาก Lead Time ในการสั่งเครื่องจักรผลิตแผ่นฟิล์มปัจจุบันใช้เวลาถึง 40 เดือน ทำให้มองว่าช่วยลดการแข่งขันและโอกาสการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นปัจจัยหนุนราคาขายแผ่นฟิล์มของบริษัทอีกด้วย


*แวลูเอชั่น น่าสนใจ

ขณะที่แผนขยายกำลังการผลิตและร่วมทุน ในเวียดนามกับ SCG Chemicals เตรียมเริ่มดำเนินการในปี 2565 บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานในประเทศแห่งที่ 2 และเตรียมขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องในปี 2565 โดยมีแผนขยาย 3 สายการผลิตใหม่ในกลุ่มแผ่นฟิล์ม Metallized, BOPP, และ BOPET โดยประเมินกำลังการผลิตของบริษัทในปี 2565-2566 จะเพิ่มขึ้นราว +11% จากปีก่อน /+21% จากปีก่อนจากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 263,500 ตันต่อปี


สำหรับการร่วมทุน ในเวียดนามที่บริษัทจัดตั้งร่วมกับ SCG Chemicals คาดจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แผ่นฟิล์ม BOPP ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เช่นกัน ซึ่งมีมุมมองบวกโดยนอกเหนือจากประโยชน์ทางด้านซัพพลายเชนมองว่าการจับมือดังกล่าวยังเป็นการเปิดทางโอกาสในการขยายสู่ตลาดประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนร่วมกันในอนาคต  ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท อิง 2565 PER 15x และ EPS ที่ 1.81 บาท เทียบเท่า 5-Yr Average PER ของกลุ่มแพ็กเกจจิ้ง มีมุมมองบวกต่อแนวโน้มของ AJ Valuation น่าสนใจเทรดที่ 2565 PER เพียง 11x ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม สำหรับปัจจัยเสี่ยงได้แก่ ต้นทุนวัตถุดิบเม็ดพลาสติกที่ผันผวน เงินบาทแข็งค่า และมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของต่างประเทศ ในระยะยาวมีโอกาสเห็น อัพไซด์และ Synergy เพิ่มเติมจากการร่วมมือกันกับ SCG Chemicals


*ราคาขาย-ไฮซีซันหนุน Q2

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL ว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2565 (ก.ค.-ก.ย.64) คาดว่า Norm Profit จะได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นราคาขาย และเป็นไซซีซันของธุรกิจ PET แต่บางส่วนถูกชดเชยด้วยต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนปริมาณขายทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะดีมานด์สินค้าสุขอนามัยยังคงสูงและยอดขายบรรจุภัณฑ์อ่อนแข็งแกร่ง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 32.50 บาท (P/E ปี 2565F ที่ 9 เท่า)



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X