> SET > OSP

11 พฤศจิกายน 2021 เวลา 09:32 น.

OSP คาดผลประกอบการ Q4/63 ฟื้นตัว เล็งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทีมีกัญชง-กัญชา

ทันหุ้น-นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP คาดว่าผลดำเนินงานช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากปัจจัยลบภายในประเทศคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และภาครัฐมีมาตรการยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิว เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัวในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและบรรยากาศการซื้อสินค้าของผู้บริโภคให้กลับมาคึกคัก โดยพบว่า ยอดขายสินค้าเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและทยอยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 


ขณะที่บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการตลาดและสินค้าใหม่เพื่อรองรับการฟื้นตัว อาทิ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซีวิทขนาด 1 ลิตรในร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศ การออกผลิตภัณพ์พิเศษลิมิเต็ด อิดิชั่น ของแบรนด์คาลพิส แลคโตะ กลิ่นพีช ซากุระ และกลิ่นเมเปิ้ลไซรัป และ ‘สลิมม่าเจลลี่’ ผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์ ‘สลิมม่า’ ที่มีส่วนผสมของใยอาหาร แอลคาร์นิทีน และวิตามินบี ช่วยลดการดูดซึมและเผาผลาญไขมัน จึงมั่นใจว่าภาพรวมยอดขายในไตรมาสสุดท้ายจะขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา 


**พัฒนาต่อยอดผลิตภัณที่มีส่วนประกอบกัญชง-กัญชา


รวมถึงพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากกัญชง-กัญชา ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มร่วมกับพันธมิตรหลักอย่างยันฮี และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล พร้อมออกสู่ตลาดในปีหน้าตอบสนองความต้องการด้านใหม่แก่ผู้บริโภค เพื่อผลักดันการเติบโตและสร้างธุรกิจในอนาคต  


สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปีนี้ (มกราคม-กันยายน) ทำรายได้จากการขาย 19,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้มีปัจจัยลบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อบรรยากาศและกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวลง โดยเติบโตจากธุรกิจเครื่องดื่มในตลาดต่างประเทศที่มีอัตราการขยายตัว 31.2% และโอสถสภายังคงความเป็นผู้นำตลาดในประเทศของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ด้วยส่วนแบ่งตลาดรวม 54.5% จากความแข็งแกร่งของแบรนด์อันดับ 1 อย่างเอ็ม-150 เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์ โอสถสภามีส่วนแบ่งตลาด 39.8% ผลักดันโดยแบรนด์อันดับ 1 อย่าง ซีวิท ซึ่งทำส่วนแบ่งตลาดนิวไฮในไตรมาส 3 จากศักยภาพการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง  


แม้ในช่วงไตรมาส 3/64 บริษัทฯ ต้องเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่รุนแรง ส่งผลต่อการกระจายสินค้าไปยังช่องทางจำหน่าย แต่การนำแนวคิดบริหารงานที่เน้นความยืดหยุ่นและการปรับตัวรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่มีความแข็งแกร่ง ทำให้มีสินค้าจำหน่ายในตลาดอย่างต่อเนื่องและสามารถช่วยเหลือพันธมิตรคู่ค้าในการกระจายสินค้า สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค เป็นผลให้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทำยอดขายได้ 6,121 ล้านบาท ขณะเดียวกัน เครือข่ายกระจายสินค้าที่มีความแข็งแกร่งยังช่วยผลักดันให้เครื่องดื่มวิตามินของกลุ่มยันฮี ที่โอสถสภาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายกลับมาครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจ OEM ซึ่งรวมถึงการผลิตขวดแก้วให้แก่คู่ค้าในต่างประเทศนั้น มีอัตราเติบโตมากกว่า 50%  


บริษัทฯ ยังคงใช้การบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm อย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3 บริษัทฯ เผชิญต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน เป็นผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวทำได้ 580 ล้านบาท และกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนทำได้ 2,404 ล้านบาท แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากการดำเนินงานสำหรับไตรมาสอยู่ที่ 708 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 11.6% และกำไรจากการดำเนินงานสำหรับ 9 เดือนอยู่ที่ 2,656 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 13.4%  


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X