#WORK# ทันหุ้น - WORK ซุ่มดีลร่วมพาร์ทเนอร์ใหม่ หวังต่อยอดธุรกิจเพิ่มเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ คาดชัดเจนไม่เกิน Q4/2565 ภาพรวมครึ่งปีหลังมั่นใจโตต่อ รับอานิสงส์เม็ดเงินโฆษณาฟื้น จากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แถมปักธงปีนี้รายได้ราว 2.3พันล้านบาท

นายสุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารการเงินการลงทุน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ทเนอร์ใหม่ประมาณ 2-3 ราย เพื่อต่อยอดธุรกิจและขยายช่องทางสร้างรายรับเพิ่มเติม คาดได้เห็นความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดส่วนต่างๆ ไม่เกินไตรมาส 4/2565

ชูครึ่งหลังแจ่ม

สำหรับแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี2565 บริษัทคาดน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากครึ่งแรกปีนี้ เพราะแนวโน้มเม็ดเงินโฆษณามีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจทีวี และการจัดกิจกรรมทางตลาด (อีเวนต์) ขยายตัวรวมทั้งธุรกิจมีแนวทางจัดอีเวนต์เพื่อขยายช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ WORK แบ่งเป็น รายได้จากค่าโฆษณาผ่านช่องทีวีดิจิทัล และสื่อออนไลน์ คิดเป็นตัวเลขประมาณ85%, ธุรกิจอีเวนต์ราว 10% ที่เหลือมาจากส่วนอื่นๆ ตลอดจนธุรกิจยังมีแนวทางขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเสริมรายรับให้กว้างขึ้น

ปีนี้รายได้วิ่งชน2.3พันล.

อย่างไรก็ดี ในปี2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ประมาณ 2.2-2.3 พันล้านบาท หลังช่วงครึ่งแรกปีนี้ธุรกิจมีรายได้แล้วราว 1.12 พันล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจในช่วงที่เหลือปีนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ

ขณะที่ปัจจุบันอัตราการใช้สื่อโฆษณาของบริษัทอยู่ที่ราว 60% และมีค่าโฆษณาเฉลี่ย 45,000-50,000 บาทต่อนาทีในส่วนของโฆษณาทีวี ซึ่งมองว่าหลังจากนี้จะได้เห็นเม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว หลังปัจจัยลบเกี่ยวกับโควิดเริ่มลดลง ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่ประเมินไว้คงช่วยผลักดันให้ภาพรวมธุรกิจเติบโตได้ตามที่วางไว้

จัดอีเว้นต์ศิลปินต่างชาติ

ไม่เพียงเท่านั้นจากโควิดที่คลี่คลาย และเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยเกี่ยวสงครามรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อที่เคยกดดันเริ่มลด ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาจะเริ่มกลับมามากขึ้นหลังจากนี้ อีกทั้งบริษัทเตรียมจัดงานอีเว้นต์ขนาดใหญ่ 1 งาน และ ขนาดเล็ก 1 งาน ซึ่งเป็นงานที่นำแสดงโดยศิลปินจากต่างประเทศ และการสร้างศิลปินของตนเองมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังสามารถกลับมาต่อสัญญากับทาง เฟสบุ๊ก (Facebook) แล้วยังจะมาช่วยหนุนภาพรวมธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย

อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาทางWORK ได้จัดตั้งบริษัท สกายบ๊อกซ์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารศิลปิน มีทุนจดทะเบียน20 ล้านบาท โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้น จะมีบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 90,000 หุ้น, บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ถือหุ้น 70,000 หุ้น และบริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด ถือหุ้น 40,000 หุ้น

ส่วนบริษัทที่ 2 ได้แก่ บริษัท จังก้า พลัส สตูดิโอ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการพัฒนาและผลิตละคร ซีรี่ย์และคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อออกอากาศทางช่องทางต่างๆ รวมถึงOTT แพลตฟอร์ม มีทุนจดทะเบียน20 ล้านบาทเช่นกัน โดยมีบริษัท จังกา บางกอก จำกัดถือหุ้นจำนวน40,000 หุ้น, บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ถือหุ้น 60,000 หุ้น, บริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ ถือหุ้นจำนวน 10,000 หุ้น, นางสาวนลินา ชยสมบัติ ถือหุ้น 60,000 หุ้น, นายคมกฤษ ตรีวิมล ถือหุ้น 15,000 หุ้น และนายสุรวุฒิ ตุงคะรักษ์ ถือหุ้น 15,000 หุ้น

ขณะที่ WORK ยังได้รับความสนใจจากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR โดยเมื่อต้นปีนี้ ทางMAJORได้เข้ามาลงทุนใน WORK ภายหลังการได้มาหุ้นดังกล่าว ทำให้ MAJOR ถือหุ้นใน WORK เพิ่มขึ้นเป็น 22.10 ล้านหุ้น หรือ 5.0049% จากเดิมถือหุ้นในจำนวน 21.84 ล้านหุ้น หรือ 4.9452%

ปัจจุบันโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ WORK มี MAJOR ถือหุ้นเป็นอันดับ 3 โดยถือจำนวน 18.62 ล้านหุ้น หรือ 4.22% ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 ได้แก่นายปัญญา นิรันดร์กุล ถือหุ้น 105.85 ล้านหุ้นหรือ 23.97% รองลงมาได้แก่นายประภาส ชลศรานนท์ ถือหุ้น 101.29 ล้านหุ้นหรือ 22.94%