#ทันหุ้น – บล.เอเชียพลัส (ASPS) คาดกำไรสุทธิงวด Q3/65 ปรับตัวลดลง 56.0%qoq มาอยู่ที่ 283.9ล้านบาท กดดันจากทั้งกำไรพิเศษที่ลดลง เนื่องจากไม่มีการรับรู้กำไรจากการขายโรงไฟฟ้า และกำไรปกติที่คาดจะลดลง 13.6%qoq มาอยู่ราว 253.9 ล้านบาท กดดันจากทั้งค่าความเข้มแสงในไทย-ญี่ปุ่นที่ลดลง และกระแสลมในประเทศเวียดนามที่ยังอ่อนตัว 

อีกทั้ง ไม่มีการรับรู้โครงการ Hidaka โดยช่วงสั้น Q4/65 คาดกำไรปกติจะฟื้นตัวดีขึ้น ใหม่อีกครั้ง QoQ หลังเริ่มเข้าสู่ High season ของลมในประเทศไทย และอานิสงค์จากการปรับขึ้นค่า ft รอบใหม่อีก 68.7 สตางค์/หน่วย ในโครงการ SPN และวินชัย ปรับไปใช้ FV ปี66 อยู่ที่ 12.0 บาท/หุ้น ราคาหุ้นปัจจุบันผ่านการปรับฐานลง มาแล้วระดับหนึ่งจนมี upside เปิดกว้างกว่า 24% แนะนำหาจังหวะทยอยซื้อจาก ฐานกำไรที่ยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

Q3/65 คาดทั้งกำไรสุทธิและกำไรปกติอ่อนตัว QOQ คาดกำไรสุทธิงวด Q3/65 ปรับตัวลดลง 56.0%qoq มาอยู่ที่ 283.9 ล้านบาท กดดันจาก รายการพิเศษที่คาดจะลดลง 91.5%qoq มาอยู่เพียง 30 ล้านบาท จากรายการกำไร Fx เพียงรายการเดียว เทียบกับงวด Q2/65 ที่บันทึกเป็นกำไรพิเศษ 351 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) กำไรจากการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Hidaka ประเทศ ญี่ปุ่น 348.4 ล้านบาท 2) ค่าเผื่อด้อยค่าที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากโครงการที่อยู่ระหว่างการ พัฒนาราว 17.6 ล้านบาท 3) รายได้ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี 8.5 ล้านบาท และ 4) กำไร unrealized Fx 11.7 ล้านบาท

อีกทั้งคาดกำไรจากการดำเนินงานปกติจะปรับตัวลดลง 13.6%qoq มาอยู่ราว 253.9 ล้าน บาท กดดันหลักจากรายได้ขายไฟฟ้าโดยรวมที่คาดลดลงราว 9.8%qoq มาอยู่ที่ 731.3 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง ตามค่าความเข้มแสงอ่อนตัวหลังจากพ้นช่วง High season ในงวด Q2/65 มาแล้ว รวมถึงไม่มีการรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Hidaka ประเทศญี่ปุ่น17 MWe ซึ่งได้ดำเนินการขายหุ้นแล้วเสร็จเมื่อ 8 มิ.ย.2565 อีกทั้งคาดยังอยู่ในช่วง low season ของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม

ถึงแม้คาดว่าโรงไฟฟ้าชีวมวล UTP จะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงดังที่เคยเกิดขึ้นในงวดก่อนหน้าเป็นเวลา 11 วัน ก็ตาม โดย อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในงวดนี้คาดจะลดลงมาอยู่ที่ 57.5% จาก 58.2% ในงวด Q2/65 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นคาดจะลดลง 11.2%qoq มาอยู่ที่ 426.2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่คาดจะเพิ่มขึ้น 32.7%qoq มา อยู่ที่ 26.0 ล้านบาท จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมวินชัย 11.3 MWe (เข้าซื้อหุ้น 2 มี.ค. 2565) ที่คาดจะมีกระแสลดีขึ้นตามการเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุม รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่ คาดจะปรับตัวลดลง 20.4%qoq มาอยู่ที่ 67.5 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการ ภายในบริษัทที่ลดลง โดยรวมแล้วคาดกำไรปกติ9M65 คิดเป็น 73.8% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

คงประมาณการกำไรปกติปี 65 คาดกำไร Q4/65 พลิกกลับมาฟื้นตัว

ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ไว้ที่ราว 1.1 พันล้านบาท เติบโต 34.9%yoy จากการรับรู้โครงการใหม่ๆที่ทยอย COD เข้ามาในปี 2564 กำลังการผลิตรวม 66.3 MWe ได้เต็มที่ทั้งปีและรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมวินชัย 11.3 MWe (ซื้อหุ้นเมื่อเดือน มี.ค.2565) เข้ามาในปีแรก นอกจากนี้คาดยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการประกาศปรับขึ้นค่า 3 BY RES EARCH D IVISION ft แบบขั้นบันไดในปี 2565 ซึ่งจะช่วยให้โรงไฟฟ้า solar SPN กำลังการผลิต 40 MWe และ โครงการวินชัย 11.3 MWe มีรายได้เพิ่มขึ้น 

สำหรับในช่วงสั้น Q4/65 คาดทิศทางกำไรปกติจะกลับมาฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง QoQ จากการ เข้าสู่ช่วง High season ของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งในปรระเทศไทย และเวียดนาม รวมถึงอานิสงค์บางส่วนจากการปรับขึ้นค่า ft อีก 68.7 สตางค์/หน่วย ในเดือน ก.ย.-ธ.ค. ซึ่งจะส่งผลให้โรงไฟฟ้า solar SPN และ โครงการวินชัย มีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ถึงแม้คาดยังมีปัจจัยกดดันจากปริมาณขายไฟฟ้าจากกลุ่มโรงไฟฟ้า solar ทั้งในประเทศ ไทย และประเทศญี่ปุ่นที่ปรับตัวลดลงตามค่าความเข้มแสงที่อ่อนตัวตามฤดูกาลก็ตาม แต่คาดจะชดเชยเอาไว้ได้หมด

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1