> SET > TIDLOR

10 พฤศจิกายน 2022 เวลา 10:37 น.

TIDLOR กำไร Q3/65 ที่ 901 ลบ. โต 10.9 % จ่อออกบัตรติดล้อ-เพิ่มสาขา

#ทันหุ้น - บมจ.เงินติดล้อ หรือ TIDLOR โชว์ผลงานโดดเด่นต่อเนื่อง ทำรายได้รวม Q3/65 ที่ 3,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับรายได้และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่เติบโตมากขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว จากความสำเร็จในการออกบัตรติดล้อแล้วกว่า 446,000 ใบ โดยการออกแคมเปญที่ผ่านมา การขยายสาขา รวมถึงเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว ส่วน Q4 วางกลยุทธ์ขยายสาขาและบัตรติดล้ออย่างต่อเนื่อง ฟากบล.ดาโอ คงแนะนำ “ซื้อ” ประเมินผลการดำเนินงาน่ขยายตัวดี 2565-2567 ให้เป้าหมายที่ 32.00 บาท



นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน Q3/65 มีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 3,930 ล้านบาท เติบโต 34.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 901 ล้านบาท เติบโต 10.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับเป้าหมายอัตราเติบโตที่วางไว้ 23 – 28% และ 30 - 35% ตามลำดับ ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวม 10,907 ล้านบาท เติบโต 25.0% และมีกำไรสุทธิ 2,823 ล้านบาท เติบโต 18.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อใน Q3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มาจากการวางกลยุทธ์ขยาย “บัตรติดล้อ” (TIDLOR Card) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการกดเงินตามวงเงินที่ได้รับการอนุมัติจากตู้เอทีเอ็มธนาคารพาณิชย์ชั้นนำกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ


ปัจจุบันมีจำนวนบัตรติดล้อที่ออกให้แก่ลูกค้าแล้วกว่า 446,000 ใบ และได้รับผลตอบรับที่ดีจากการจัดแคมเปญบัตรติดล้อสำหรับลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในกลุ่มรถยนต์และรถกระบะในเดือนมีนาคม – พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว ขณะที่อัตราเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.39% ณ Q2/65 มาอยู่ที่ 1.52% ซึ่งอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในอัตราไม่เกิน 2%



“ผลการดำเนินงานใน Q3 กำไรสุทธิยังคงระดับที่ 900 ล้านบาท เติบโตได้ดีจากปีที่ผ่านมา แม้จะมีการตั้งสำรองหนี้สูงถึง 270 ล้านบาท โดยเราพอใจกับจุดยืนที่แข็งแกร่งในการมีอัตราสำรองหนี้สูงสุดในอุตสาหกรรม และมั่นใจว่าการตั้งสำรองนั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากภาวะต้นทุนด้านเครดิตขาขึ้น


อย่างไรก็ตามเรายังสามารถดำรงอัตราเอ็นพีแอล หรือ อัตราหนี้เสีย ได้ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันและกลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ นอกจากนั้น การดำเนินงานที่ผ่านมาสะท้อนถึงการวางกลยุทธ์ที่ถูกทาง โดยปริมาณการกดเงินสดตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับผ่านบัตรติดล้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยก็มีอัตราเติบโตที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีค่าเบี้ยประกันวินาศภัยสูงถึง 1,642 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า


นอกจากนี้ ล่าสุดเราได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ให้ลูกค้าสามารถต่ออายุประกันได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ลดระยะเวลาการเดินทาง และยังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทอีกทางหนึ่งด้วย” นายปิยะศักดิ์ กล่าว



กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ กล่าวว่า กลยุทธ์ใน Q4/65 ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงการให้บริการแก่ลูกค้า พร้อมทั้งปรับเป้าการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น จากแผนงานเดิมที่วางไว้ที่ 300 สาขา โดย ณ สิ้น Q3/65 มีสาขาที่เปิดบริการวม 1,574 แห่ง ขณะเดียวกันจะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเท่าเทียม ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนเพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจ รวมถึงขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัย ด้วยการนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า


ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดโครงสร้างทางการเงินด้วยการกระจายแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงออกตราสารหนี้ในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยอายุของลูกหนี้ในแต่ละช่วง รวมถึงรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเพื่อสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน ทั้งรับมือกับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น


นอกจากนี้กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามากำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อ และการจัดระเบียบเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะไม่กระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากพอร์ตรายได้หลักมาจากสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและยังคงเน้นสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวเป็นหลักต่อไป

***ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 32.00 บาท  บริษัทรายงานกำไรสุทธิ Q3/65 ที่ 901 ล้านบาท (+11% YoY, -8% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดคาด จากสินเชื่อที่ขยายตัวต่อเนื่อง +23% YTD ด้าน credit cost ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงอยู่ที่ 2.8% สาเหตุหลักจากการขยายตัวของสินเชื่อที่สูง โดยบริษัทยังคงรักษาระดับ LLR/loan ที่สูงที่ 3.8% ขณะที่ NPL ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.5% (Q3/64/Q2/65 = 1.4%)  คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565E ที่ 3.8 พันล้านบาท (+20% YoY) และปี 2566E ที่ 4.8 พันล้านบาท (+25% YoY) จากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง, ยอดขาย insurance premium ที่สูงขึ้น ขณะที่ NPL ปรับขึ้นเล็กน้อย ภายใต้ระดับสำรองที่สูง  ราคาหุ้น underperform SET -5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จาก NPL ที่จะเพิ่มขึ้น


***อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคงแนะนำ “ซื้อ” จากผลการดำเนินงานที่ขยายตัวดี 2565E-2567E EPS CAGR ที่ +23% หนุนโดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปีละ +20% YoY, ต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าคู่แข่ง (Tris rating ที่ A ขณะที่ SAWAD และ MTC ที่ BBB+) และมีระดับสำรองที่สูง ซึ่งสามารถรองรับความเสี่ยงจาก NPL ที่เพิ่มขึ้นได้ รวมทั้งมีโอกาสในการปล่อยสินเชื่อประเภทใหม่ เช่น สินเชื่อที่ดิน


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X