#SCGP #ทันหุ้น – SCGP เล็งทุ่มงบ 1.8 หมื่นล้านบาท ลุย M&A-อัพไลน์ผลิต ปูทางโกยเงินระยะยาว ซีอีโอ “วิชาญ จิตร์ภักดี” ลั่นปี 2566 รายได้พุ่งแตะ 1.6 แสนล้านบาท รับดีมานด์ใน-นอกฟื้นตัวเด่น แถมมองโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” หนุนออเดอร์ทะลัก ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวแจกปันผลงวดสิ้นปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท ขึ้น XD วันที่ 4 เมษายน 2566

นายวิชาญ  จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 1.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การควบรวมกิจการกับพันธมิตรอยู่ที่ 50% หรือประมาณ 9 พันล้านบาท, ขยายกำลังการผลิตในรูปแบบทั่วไปราว 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยในส่วนของการ M&P นั้นปัจจุบันทาง SCGP อยู่ระหว่างการเจรจาทั้งในและต่างประเทศหลายดีล เพื่อต่อยอดและเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นซี่งเบื้องต้นคาดน่าจะได้เห็นความชัดเจนอย่างอย่างน้อย 1 ดีลในช่วงไตรมาส 2/2566 (จากแผนทั้งปีนี้ที่วางไว้จะปิดดีลใหม่ราว 2-3 ดีล)

ทั้งนี้เดิมทาง SCGP ได้กำหนดแผนเงินลงทุนไว้ 100,000ล้านบาท ภายใน 5 ปี (2564-2568) เพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้ 200,000ล้านบาท ในปี 2568 โดยในปี 2564-2565  ซึ่ง SCGP ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 37,000ล้านบาท ในการลงทุนและขยายกำลังการผลิตในธุรกิจที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโต ทำให้ SCGP สามารถสร้างรายได้และผลตอบแทนที่สูงท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายสะท้อนถึงโมเดลธุรกิจและทิศทางการดำเนินธุรกิจของ SCGP ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม และสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้ SCGP ได้อย่างชัดเจน

*ปีนี้รายได้ 1.6 แสนล.

สำหรับผลประกอบการปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ระดับ 1.6 แสนล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ราว 1.46 แสนล้านบาท เนื่องจากธุรกิจมีแนวทางขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าอุปโภคคบริโภคที่เติบโตสูงให้มากขึ้น รวมทั้งธุรกิจทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือ จากดีลการลงทุนใน M&P ที่เข้ามาช่วยเสริม

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไตรมาสแรกของปี 2566 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากจะได้รับปัจจัยบวกจากการที่จีนเริ่มเปิดประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียนที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวการนำเข้าและส่งออก ตลอดจนห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่กลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันยังคงมีความท้าทายจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ผันผวนต่อเนื่องแรงกดดันด้านเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับสูง และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงในหลายภูมิภาค เช่น กลุ่มสหภาพยุโรปและประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ของภาคธุรกิจการส่งออกของอาเซียน

นายวิชาญกล่าวเสริมว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบ “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” เพื่อสนับสนุนกิจการด้านการท่องเที่ยว หลังมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด 19 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 จำนวน 2,016 ล้านบาท จำนวน 560,000 สิทธิ์ หรือประมาณ 112,000 คน โดยจะเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไปจนถึงเดือนกันยายน 2566 นั้นบริษัทมองถือเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศ ตลอดจนยังกลายเป็นแรงสนับสนุนคำสั่งซื้อแพ็กเกจจิ้งของบริษัทอีกทางหนึ่ง

*เคาะปันผล 0.35 บาท

อย่างไรก็ดี ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลงวดระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท ในวันที่ 24 เมษายน 2566 กำหนดวันไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 4 เมษายน 2566

อนึ่งงบการเงินปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,801 ล้านบาท ลดลง 30%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,294 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 146,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผลมาจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และการหดตัวของปริมาณการขายกระดาษ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1