นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA เปิดเผยว่า มองทิศทางธุรกิจปี 2566 จะเป็นปีที่ดีต่อจากปี 2565 และคาดจะมีงานโปรเจ็กต์ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมองปี 2566 จะมีงานประมูลอีกประมาณ 5 โปรเจ็กต์ มูลค่ารวมหลายร้อยล้านบาท สำหรับงานประมูล หรืองานโปรเจ็กต์จะทยอยออกมาในแต่ละช่วง ตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป
สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม จากทิศทางในปลายปี 2565 ลูกค้าโรงงานจะเร่งปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ซึ่งส่งผลให้มีงานทยอยออกมาต้นปีจำนวนมาก ขณะที่บริษัทมีความพร้อมจะเข้ารับงานโปรเจ็กต์ใหม่ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตามในอนาคตนโยบายการขยายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐ การบําบัดนํ้าเสียที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลต่อความสำคัญในการบริหารจัดการบำบัดน้ำเพิ่มขึ้น บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและเอกชนกว่า 10,000 ล้านบาท ใน 3 – 5 ปีข้างหน้า ทั้งในส่วนของโรงบำบัดน้ำเสีย และการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทในการเข้ารับงาน และมีโอกาสได้งานสูงถึง 20% ของมูลค่างานที่จะเปิดให้ประมูล ประกอบกับงานจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้ และผลประกอบการ UBA เติบโตขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 289 ล้านบาท บริษัทนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับโอกาสจากการเติบโตของบริษัท ได้แก่ การลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System) การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ ซื้อและปรับปรุงเครื่องจักรที่ใช้สนับสนุนการดำเนินงาน
และชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง โดยอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.7 เท่า จากก่อนหน้านี้ D/E อยู่ที่ระดับ 1 เท่า อีกทั้งจะเพิ่มโอกาสการได้โปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ และเพิ่มศักยภาพการทำกำไรได้สูงขึ้นด้วย
นายสมชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับรายได้ปี 2566 คาดจะเติบโตใกล้เคียงกับระดับปกติที่ 10-15% โดยเฉลี่ยก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% ขึ้นไป พร้อมกันนี้คาดจะเห็นภาพการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีงานโปรเจ็กต์และสัดส่วนรายได้สูงขึ้น
ทั้งนี้หากเทียบการบำบัดน้ำเสียของประเทศไทยกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จะพบว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมีค่าเฉลี่ยในการบำบัดน้ำเสีย ประมาณ 91% แต่ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการบำบัดน้ำเสียเพียงแค่ 27% จากปริมาณน้ำเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงทำให้เชื่อว่ามีโอกาสที่จะผลักดันการเติบโตได้อีกมาก
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม