นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA เปิดเผยว่า จากกรณีข่าว กทม.เตรียมลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับการประปานครหลวง (กปน.) ในการนำข้อมูลผู้ใช้น้ำจาก กปน.ไปคำนวณค่าจัดเก็บค่าบำบัดน้ำเสีย เมื่อ กทม.ลงนามร่วมกับ กปน.เรียบร้อยแล้ว ทาง กทม.จึงจะลงนามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดประเภทแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่ถูกจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ทั้งนี้คาดจะเห็นความชัดเจนประมาณปลายปีนี้ หลังจากนั้นจึงจะเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย โดยจะคิดจากปริมาณน้ำเสีย 80% ของปริมาณการใช้น้ำประปา จากประเด็นดังกล่าวบริษัทมองว่าเป็นผลดีต่อธุรกิจ UBA หาก กทม.ประกาศและเก็บค่าบำบัดน้ำเสียจะส่งผลให้อุตสาหกรรม และมูลค่าการบำบัดน้ำเสียมีปริมาณสูงขึ้น แต่โครงการที่บริษัทเซ็นสัญญาแล้วจะไม่มีผลต่อการเก็บค่าบำบัดน้ำเสียดังกล่าว
ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทคาดจะมีงานประมูลใหม่ ซึ่งเป็นงานติดตั้งระบบ มูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท โดยงานบางส่วนถูกเลื่อนมาจากไตรมาส 1 และไตรมาส 2 นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างทำแผนรับงานโปรเจ็กต์ใหญ่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะเดียวกันยังมีงานอื่นๆ ซึ่งมีมูลค่าประมาณหลัก 10 ล้านบาท ที่จะเข้าประมูล และเข้ารับงานในช่วงที่เหลือปีนี้
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้างานในมือ (Backlog) ช่วงที่เหลือปีนี้ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาท โดย Backlog ที่มีอยู่ จะรับรู้เป็นรายได้ช่วงที่เหลือ 20-30% และคาดทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 จะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะเป็นไฮซีซันของฤดูฝน และมีปริมาณน้ำมากกว่าครึ่งปีแรก
นายสมชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับเงินจากการระดมทุนขายหุ้นไอพีโอให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก บริษัทดำเนินการใช้เงินตามแผนแล้วประมาณ 70% โดยหลักคือคืนเงินกู้ให้กับสถาบันทางการเงินส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 ลดลงมาอยู่ที่ 0.16 เท่า จากก่อนหน้านี้ D/E อยู่ที่ระดับ 1 เท่า อีกทั้งจะเพิ่มโอกาสการได้โปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ และเพิ่มศักยภาพการทำกำไรได้สูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ซื้อเครื่องจักรใหม่ และลงทุนระบบเทคโนโลยีใหม่ในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System) การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่
บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตใกล้เคียงกับระดับปกติที่ 10-15% โดยเฉลี่ยก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% ขึ้นไป พร้อมกันนี้คาดจะเห็นภาพการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัย 1 ที่ทำให้บริษัทมีงานโปรเจ็กต์และสัดส่วนรายได้สูงขึ้น อนึ่ง 3 เดือนแรกปี 2566 รายได้อยู่ที่ 124.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 16.86 ล้านบาท
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม