> กองทุน > MFC

27 มกราคม 2023 เวลา 19:09 น.

MFCเปิดแผนธุรกิจปีกระต่าย มุ่งเน้นบริการ-แก้พอร์ตติดลบ

#MFC #ทันหุ้น MFC เปิดแผนปี 66 มุ่งแก้พอร์ตติดลบให้นักลงทุน หลัง3ปีที่ผ่านมาตลาดผันผวนหนัก ส่วน AUMยังคงโต คาดดีกว่าภาพรวมตลาด เล็งออกกองตราสารหนี้ที่ปิดความเสี่ยง หรือ สร้างผลตอบแทนทั้งจากตลาดปรับลง มองภาพรวมตลาดหุ้นยังคงผันผวนจากสหรัฐ-ยุโรปเผชิญเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ตลาดตราสารนี้โอกาสดีกว่าในปีนี้


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ระบาด แม้ไม่มีการเดินทางไปพบลูกค้า แต่ยังคงสามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะ MFC ได้พัฒนาฟีเจอร์ ในแอปพลิเคชั่น MFC Wealth เช่นการจัดพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์ตลาด หรือเทียบพอร์ตลูกค้ากับพอร์ตที่ MFCแนะนำ เพื่อนำไปสู่การวางแผนลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการ


เพิ่มฟีเจอร์เอาใจฝ่ายขาย

“ในช่วงที่เราเข้าไปพบลูกค้าไม่ได้ เรายังสามารถให้คำแน่ะนำลูกค้าได้ผ่านช่องทางดิจิทัล ช่องทางออนไลน์ แต่เอ็มเอฟซี ไม่ได้มองแค่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเท่านั้น เรายังมุ่งให้คนกลาง หรือ ตัวแทนขายของเราสามารถเปิดดูข้อมูล อัพเดทข่าสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเป็นตัวช่วยในการแนะนำผู้ลงทุน และยังทำให้ เรายังได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ลงทุน หรือรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์”


นายธนโชติ กล่าวว่า 3 ปีที่ผ่าน สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร หรือ AUM เติบโตต่อเนื่อง ส่วนปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเติบโตจากฐานสูงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปี 2566 น่าจะเติบโตที่ตัวเลขหลักเดียวในระดับที่สูง อย่างไรก็ตาม MFCตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวม


อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ MFC ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการเติบโตของ AUM เป็นหลัก นายธนโชติ บอกว่า ในปีที่ผ่านการลงทุนมีความผันผวนสูงทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนติดลบเกือบทุกสินทรัพย์ ทั้งตราสารหนี้ และหุ้น ทำให้ปีนี้ MFC มุ่งที่จะแก้พอร์ตติดลบให้กับผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าของ MFC และจากค่ายอื่นๆ ให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ลูกค้าแต่ละคนรับได้


ปิดความเสี่ยงตราสารหนี้

“ซึ่งปีนี้ MFC มองเห็นโอกาสในตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวก หลังปีที่ผ่านมามีความผันผวนจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยวเร็วและแรงเพื่อกดเงินเฟ้อ แต่ในปี 2566 การปรับขึ้นดอกเบี้ยลดความร้อนแรงลงจึงทำให้คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้ หรือ บอนด์ยิลด์กลับมาเป็นบวกได้ในระดับที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังคงความผันผวนอยู่”


นายธนโชติ กล่าวต่อไปว่า แม้ฟันด์โฟลว์จะเข้ามาในตลาดเอเชีย แต่ด้วยฝั่งตะวันตกอย่างยุโรป และ สหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้การลงทุนในหุ้นยังมีความเสี่ยงจากที่ตลาดจะยังคงผันผวนต่อ อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มการลดความร้อนแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ตลาดตราสารหนี้ไม่ผันผวนมากเท่าปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นสินทรัพย์มีความเสี่ยงต่ำกว่า หุ้น ทำให้ MFCมองว่าน่าจะเป็นโอกาสเข้าลงทุนได้ในปีนี้


“แต่มากกว่านั้น MFC ไม่ได้มองแค่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้ หากยังมองถึงการปิดความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หรือไม่ได้เป็นอย่างที่ประเมินไว้ เรายังต้องสามารถทำกำไรจากตลาดที่ผันผวนได้ ดังนั้น การออกกองทุนรวมในแต่ละครั้งของเราจึงต้องประเมินสถานการณ์ในอนาคตด้วยว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร”


ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ MFC จะออกกองทุนตราสารหนี้ใหม่ และทำสัญญาออปชันไว้เพื่อปิดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง


เมกะเทรนด์พลังงาน

นายธนโชติ ยังกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน MFC ยังคงมองถึงเทรนด์ในอนาคต เพื่อกำหนดธีทมการลงทุนในหุ้นที่จะสร้างการเติบโตให้กับผู้ลงทุนระยะยาว ซึ่งธีมลงทุนที่ล้อไปกับเมกะเทรนด์ในอนาคต แม้จะมีความผันผวนจากตลาดที่ปรับตัวลง แต่จะกลับมาเติบโตในอนาคต เช่น ธีมพลังงานสะอาด กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี (MRENEW)


กองทุน MRENEW ลงทุนใน BGF Sustainable Energy Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ กองทุนหลักบริหารจัดการโดย BlackRock บริษัทจัดการชั้นนำของโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่คำนึงและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยกองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นของธุรกิจพลังงานยั่งยืนใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก


ได้แก่ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Power) การขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด (Clean Transport) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจ ESG ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน อนึ่งกองทุนหลัก ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 4 ดาว และ 5 globe Morningstar sustainability rating


“นอกจากการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆในแอปพลิเคชั่น เรายังมีการออกกองทุนใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวมมีการเติบโตมาก ทำให้จากอดีตที่เราออกกองทุนในต่างประเทศเป็นหลัก เราก็มีการปรับมาออกกองทุนต่างประเทศมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกผู้ลงทุน รวมถึงสร้างโอกาสที่มากขึ้นด้วย”

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X