#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down กรอบ 1,655-1670 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนัก ตลาดรอจับตาดูเงินเฟ้อ CPI เดือน ม.ค. ของสหรัฐฯคืนพรุ่งนี้ซึ่งตลาดคาดว่าจะชะลอตัว แต่เริ่มเห็นสัญญาณลงช้า ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED ตลาดเริ่มทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์ปรับขึ้นและสูงยาวนานกว่าคาดตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้เม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหุ้นรวมถึงพันธบัตร สะท้อนผ่าน Bond Yield สหรัฐฯที่ยังไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง 30-45 bps MTD
ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสอยู่ที่ผลประกอบการ 4Q22 โดยเท่าที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่ยังค่อนไปในทางต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามกลุ่ม Reopening ตัวแรกคือ AOT ที่ประกาศออกมาสามารถพลิกมามีกำไรได้ ทำให้เรายังคาดว่ากลุ่มกำไรของหุ้น Domestic และ Reopening Play จะออกมาแข็งแรงกว่าภาคการผลิตและ Global Play ภาพรวมตลาดคาดว่ายังอยู่ในช่วงพักตัวระยะสั้นหลังปรับขึ้นแรงจากช่วงปลายปีก่อน อย่างไรก็ตามยังมองจังหวะปรับฐานบริเวณ 1,600+- จุด ยังเป็นโอกาสในการสะสมระยะกลาง-ยาวจากเศรษฐกิจไทยที่ทยอยเร่งตัว ส่วนระยะสั้นเน้น Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดกำไร 4Q22 โดดเด่น
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดกำไร 4Q22 แข็งแกร่ง//ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว
หุ้นเด่นเดือนก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บาท
• คาดกำไร 4Q22 -12% q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ +13% y-y หนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและผู้ป่วยต่าชาติที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ทำให้รายได้คาดว่ายังเติบโตแข็งแรง -1% q-q, +9% y-y โดยรายได้ผู้ป่วยไทยคาดสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 ราว 4% ขณะที่ต่างชาติคาดกลับมาเท่าช่วงก่อน COVID-19
• เราคาดกำไรปี 2022 +61% y-y และเติบโตต่อเนื่องอีก +4% y-y ในปี 2023 โดยหนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและโดยเฉพาะต่างชาติที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงแรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน
• แนวรับ 28.50-28 บาท แนวต้าน 30.50-31//32 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET มีแนวโน้มชะลอตัว หลัง US Bond Yield 10 ปรับขึ้น และรอ US CPI ในวันอังคาร รวมถึงกำไร บจ. Q4/65 คาดหดตัว YoY วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,650 – 1,660 แนวต้าน 1,670 – 1,675 แนะนำทยอยซื้อ BJC,CPN,CRC /อุปโภค ICHI,SNNP,SABINA
• MINT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus39.00 บาท) แนวโน้ม 4Q65 กำไรปกติดีขึ้น YoY เพราะเข้าช่วง High Season ของการท่องเที่ยวไทย ขณะที่แรงกดดันจาก Utility Cost ในยุโรปเริ่มลดลง ด้านธุรกิจอาหารเติบโตทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วนปี 66 ตลาดคาดกำไรประมาณ 5.5 พันล้านบาท ฟื้นตัว +28%YoY หนุนจากโรงแรมในยุโรปมีทิศทางเป็นบวกในช่วง 1H แม้จะเป็น Low Season แต่จะเห็นการเติบโต YoY ทั้ง Occ. Rate และ Average Daily Rate (ADR) จาก Demand ของลูกค้าภาคธุรกิจ ขณะที่ต้นทุนค่าไฟมีการล็อกราคาไปแล้วราว 60% ที่ราคาต่ำกว่าตลาด และส่วนที่เหลืออีก 40% ได้ประโยชน์จากราคาก๊าซในยุโรปที่ปรับตัวลดลง ส่วนโรงแรมในไทย และ Maldives รับอานิสงส์นักท่องเที่ยวไหลเข้าไทยและการเปิดประเทศของจีนช่วยหนุนให้ภาพรวมของธุรกิจปรับตัวดีขึ้น
• ICHI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.50 บาท) ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 4Q65-1Q66มีแนวโน้มสดใสรับกรมสรรพสามิตขยายเวลาขึ้น "ภาษีความหวาน" เฟส 3 อัตราสูงสุด 5 บาทต่อลิตร ออกไปถึง 31 มี.ค. 66 รวมถึงการ Reopening ทั้งใน/ต่างประเทศ และ จากแผนการออกเครื่องดื่มใหม่ อย่าง เย็นเย็นรสบ๊วย+สมุนไพร /ICHITAN No Sugar/ เครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD)แบรนด์ TANSUNSU ขณะที่ธุรกิจในอินโดนีเซียคาดว่าจะปรับตัวได้ดีต่อเนื่อง ส่งสินค้าใหม่บุกตลาดในกลุ่มชาไทย/กาแฟโคลด์บริว และการนำชาไทยจากอิชิตัน อินโดนีเซีย ขยายไปเปิดตลาดใหม่ที่ฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.42 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.48 บาท/หุ้น, และ 0.57 บาท/หุ้น ตามลำดับ
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1650-1680 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,664.57 จุด /-1.40%) ฝ่ายวิจัยปรับแนวรับของตลาดหุ้นไทย ไปอยู่ที่ 1620-50 จุด สะท้อนจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อกำไร(ตลาด) และความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายการเงินของ Fed ทิศทางเศรษฐกิจจีน และสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย
ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ถูกฉุดจากเศรษฐกิจโลก และ Demand จีน
การรายงานผลประกอบการบริษัทในตลาดหุ้นไทยที่อาจจะออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลต่อตลาด ขณะที่การเมืองไทยคาดว่าจะเริ่มทยอยออกนโยบายพรรค ทำคะแนนกันแล้ว
Strategy
• การลงทุนยังควรเน้นเล่นสั้น เพิ่มการถือเงินสดในมือให้มากขึ้น จนกว่าดัชนีฯ จะกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1677 จุด ได้อีกครั้ง หรือมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับฐานของตลาด สิ้นสุดลง
• ตลาดหุ้นไทยถูกกดันจากกำไรบริษัทในตลาดหลายตัว ที่ต่ำกว่าคาด นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ให้ระวังแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ (ในเกือบทุกๆกลุ่ม)
• หุ้นยังมีความปลอดภัย จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรืออิงกับรายได้ในประเทศ (ภาคบริการ-การเงิน จะดีกว่าภาคผลิต)
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น CRC, AOT ออกจากพอร์ต และนำหุ้น AU*, FORTH* เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย AU*(10%), FORTH*(10%), CPALL(10%)
Strategy Stock Pick
AU: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.00 บาท) “SSSG ฟื้น ยอด Dine in พุ่ง พร้อมเดินหน้าขยายสาขา”
• รายได้จากการขายต่อสาขาฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุดสถิติการเข้ามากินที่ร้าน (Dine in) ในเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้นสู่ระดับ 67% เทียบกับ 3Q22A ที่เฉลี่ย 62-65% สำหรับ 9M22 SSSG โต +56.2%YoY
• แนวโน้มรายได้ปี 2023 จะใกล้เคียงระดับ Pre-Covid (2019) เบื้องต้น Consensus ประเมินเฉลี่ยที่ 1.12 พัน ลบ. คิดเป็น 94% ของรายได้จากการขายในปี 2019 (ปีที่พีค) พร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 5 แห่ง คาด ณ สิ้นปี 2023 AU จะมีสาขารวมประมาณ 50 สาขา
• Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 124 ลบ. และ 209 ลบ. +2698%YoY, +69%YoY ตามลำดับ
Technical : MTW, MONO
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม