#ASK #ทันหุ้น-ASK แตกไลน์สินเชื่อ Solar Rooftop ให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม กางแผนคลอดสาขาใหม่ 2-4 แห่ง รองรับความ้องการสินเชื่อที่ขยายตัว วางเป้าหมายยอดปล่อยสินเชื่อใหม่และพอร์ตสินเชื่อคงค้างปี 66 โต 20% คุมเข้ม NPL ต่ำระดับ 3% และ Credit Cost ไม่เกินระดับ 2%

นายดนัย ลาภาวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมองการเพิ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยเฉพาะสินเชื่อสำหรับติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านบริษัทย่อย บมจ.กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส (BGPL) เพื่อเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตให้กับยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เพิ่มเติมอีกด้วย ปัจจุบันอยู่หว่างการการศึกษาตลาด คาดว่าในปี 2566 จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

ดีมานด์สินเชื่อยังมี

โดยในปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ (New Loan) ไว้ที่กว่า 40,000-45,000 ล้านบาท หรือมียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 3,000-3,700 ล้านบาทต่อเดือน คิดเป็นการเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน แบ่งสัดส่วนออกเป็นกาาปล่อยสินเชื่อของ ASK อยู่ที่ประมาณ 30,000-33,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นสินเชื่อของ BGPL ที่ราว 11,000 ล้านบาท ขณะที่การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อคงค้างในปี 2566 นั้น บริษัทก็คาดว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% เช่นเดียวกัน หรือจะมีขนาดพอร์ตแตะที่ระดับ 80,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2565 ที่ 67,605 ล้านบาท และยังคงเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อคงค้างแตะที่ระดับ 100,000 ล้านบาทภายในปี 2567

แม้ว่ายอดการจำหน่ายรถบรรทุกใหม่และรถยนต์ส่วนบุคคลใหม่ในปี 2566 อาจไม่ได้มีการเติบโตที่ดีเทียบกับกับในช่วง 2 ปีก่อน (2564-2565) ทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงตาม แต่ด้วยการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังจากที่มีการเปิดประเทศ การท่องเที่ยวที่เริ่มขยายตัวดีขึ้นทำให้เริ่มเห็นการลงทุนและงานก่อสร้างต่างๆ เติบโต โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) มีการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ ทำให้มองว่าความต้องการสินเชื่อยังคงมีอยู่ เพียงแต่ว่าจากนี้ต้องให้ความระมักระวังในการปล่อนสินเชื่อมากขึ้น

ทั้งนี้ จากการจัดการคุณภาพลูกหนี้และการจัดเก็บหนี้ที่เพิ่มสูงในช่วงไตรมาส 4/2565 ทำให้คาดว่าในไตรมาส 1/2566 จะเห็นตัวเลขที่ดีขึ้น พ้นจุดพีคสุดไปแล้ว และชัดเจนมากยิ่งขึ้นในไตรมาส 2/2566 ทั้งการชำระหนี้ที่ดีขึ้น รวมถึงการยึดรถที่ลดลง ส่งผลให้หนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ในปี 2566 บริษัทจะทำได้ตามเป้าหมายการรักษาระดับให้อยู่ที่เฉลี่ยไม่เกิน 3% จากสิ้นปี 2565 ที่อยู่ที่ระดับ 3.47% ส่วน Credit Cost คาดว่าจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 2% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2.09% ขณะที่ Cost to Income Ratio คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 30% จากสิ้นปีก่อนที่ 26.25%

คลอดสาขาใหม่

นอกจากนี้ บริษัทมองการขยายสาขาใหม่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังเข้าไม่ถึงในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศอีกประมาณ 2-4 สาขา ซึ่งสาขาแรกที่เพิ่งเริ่มให้บริการไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 คือ สาขาบุรีรัมย์ ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดช่วยสาขานครราชสีมาที่ยังมียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ไม่สูงนัก โดยในสาขาถัดไปมองการเข้าไปยังจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ในขณะที่อีก 2 สาขาที่เหลือ บริษัทคาดว่าจะเข้าไปเจาะตลาดยังแถบภาคกลางและภาคตะวันออก เพราะมองเห็นแนวโน้มความต้องการสินเชื่อที่ยังมีอีกมาก และยังมีลูกค้าอีกไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ

"สำหรับพอร์จสินเชื่อจำนำทะเบียนรถนั้น มองว่ายังมีการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าพอร์ตสิ้นเชื่อในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีขนาดพอร์ตอยู่ที่ราว 3,600 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นจำนำทะเบียนแบบโอนเล่ม 1,600 ล้านบาท และไม่โอนเล่ม 1,600 ล้านบาท ส่วนกรณีที่ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อ มองว่าอาจมีผลกระทบต่อเราอยู่บ้าง แต่ก็เป็นสักส่วนที่น้อยมาก เพราะพอร์ตส่วนใหญ่มากกว่า 65% เป็นรถบรรทุก, 10% เป็นสินเชื่อเครื่องจักร, 16% เป็นสินเชื่อส่วนบุคลและสินเชื่อรถสำหรับโดยสาร เป็นต้น"นายดนัย กล่าว