#ITC #ทันหุ้น-บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 1/66 มีกำไร 425.15 ล้านบาท ลดลง 53.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 924.10 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากราคาขายที่ลดลงอันเป็นผลมาจากสินค้าคงคงเหลือค้างส่ง ต้นทุนที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ซึ่งบางส่วนถูกหักกลบด้วยรายได้อื่่นที่สูงขึ้น 

โดยไตรมาส 1/66 มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 624.8 ล้านบาท ลดลง 39% สาเหตุหลักมาจากการขายที่ลดลงของสินค้าพรีเมี่ยม เนื่องจากปริมาณสินค้าคงเหลือที่สูงของลูกค้า รายได้จากค่าระวางสินค้าที่ลดลง และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นโดยเฉพาะไก่ เพิ่มขึ้น 14.9% ปลาทูน่า เพิ่มขึ้น 8.0% ค่าสาธารณูปโภค และต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น 17.0% บรรจุภัณฑ์ และค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนขายสูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.4%

บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาส 1/66 ที่ 3,586.8 ล้านบาท ลดลง 16.7% สาเหตุมาจากยอดขายอาหารสัตว์ที่ลดลง 18.9% อันเป็นผลมาจากปริมาณสินค้าคงเหลือค้าส่งในช่วงไตรมาส 3/65 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากลูกค้าในสหรัฐและยุโรป ส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ รายได้จากค่าระวางสินค้าที่ลดลง รวมถึงราคาขายที่ลดลงจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเศษซากและวัตถุดิบอาหารทะเล 

**มองครึ่งปีหลังฟื้น

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความติดขัดด้านการขนส่งสินค้าทั่วโลก แต่สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลง ทำให้บริษัทฯ มองว่าการระบายสินค้าคงคลังของลูกค้าในช่วงต้นปี 2566 เป็นปัจจัยระยะสั้นและมีสัญญาณที่ดีในไตรมาสถัดไป และคาดว่าการจัดการสินค้าคงคลังจะกลับมาสู่สภาวะปกติในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี"

นอกจากนี้ ยังได้วางกลยุทธ์ในการเติบโตของธุรกิจและมุ่งมั่นขยายธุรกิจกับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ทั้งช่องทางอีคอมเมิร์ซ และประเภทสินค้าสั่งผลิตภายใต้แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่มีแผนในการส่งมอบสินค้าในไตรมาสที่ 2  นี้  อีกทั้งสินค้าชนิดพรีเมียมได้เริ่มทยอยกลับมา และยังมีลูกค้ารายใหม่และรายใหญ่เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย  มั่นใจว่าบริษัทจะทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งในแง่ของยอดขายและความสามารถในการทำกำไร

ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ยังได้เผยกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีการสั่งผลิตภายใต้แบรนด์ของซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ  เปิดตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น ประเทศจีน ผ่านความร่วมมือกับหนานจิง เจียเป่ย เพ็ทแคร์ โปรดักส์ ที่ได้ลงนามในความร่วมมือเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีแผนนำส่งสินค้าล็อตแรกภายในไตรมาส 2 ของปี รวมถึงการขยายธุรกิจในส่วนของขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง  บริษัทยังได้มีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารแมวหรือ i-Cattery ที่ตั้งอยู่ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขต ศาลายา ในเดือนพฤษภาคมนี้อีกด้วย

**ทุ่ม 2.1 พันลบ.ขยายธุรกิจปีนี้

“สำหรับการลงทุน บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนขยายธุรกิจกว่า 2.1 พันล้านในปีนี้ และกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตอาหารเปียกและขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยงขึ้นอีก 18.7 เปอร์เซ็นต์ และในโรงงานใหม่นี้จะมีไลน์บรรจุหีบห่อแบบอัตโนมัติ คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ บริษัทยังคงลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ได้แก่ คลังสินค้าอัตโนมัติในโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครและสงขลา เครื่องจักรสำหรับโรงงานต้นแบบ รวมถึงโครงการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม”  นายพิชิตชัยกล่าว

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2566  ไอ-เทลมีสัดส่วนของยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ อยู่ที่ 50.3% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่เอเชียและโอเชียเนียอยู่ที่ 36.3% และยุโรปอยู่ที่ 13.4% ทั้งนี้ตลาดที่มีการเติบโตสูงได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีนและไทย ในส่วนของยอดขายแบ่งตามประเภทของสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ อาหารแมว 66.9%  อาหารสุนัข 16.6%  ขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง 13.9% และธุรกิจอื่น ๆ อีก  2.6%

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1