> SET > FPT

03 สิงหาคม 2023 เวลา 18:51 น.

FPT ไตรมาส 3/66 กำไร 389 ล. ลดลง 43% งวด 9 เดือนกำไร 1.0 พันล. ลดลง 41%

#FPT #ทันหุ้น - บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT  แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 388.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท ลดลง  43% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 680.41 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.29 บาท


สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 1,020.78 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.44 บาท ลดลง 41% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,743.18 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.75 บาท


ภาพรวมผลการดำเนินงาน

ในไตรมาสที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนตามความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญภาวะกดดันจากมูลค่าการส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงความไม่แน่นอนด้านการเมืองที่อจส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนภาครัฐ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญในการบริหารจัดการเงินทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพและคงสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อการรองรับโอกาสการฟื้นตัวของตลาดภายใต้กลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นในการรับมือสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงเสริมดวามพร้อมในการเข้าลงทุนธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกิจการควบคู่กับการบริทารจัดการองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภพในการทำงานตามเป้าทมาย โดยยังคงไว้ซึ่งธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาผลประโยซต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในระยะ


สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทฯ รายงานรายได้จากการประกอบธุรกิจ จำนวน 3,768.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.0 หรือลดลง 239.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรายงานรายได้รวม จำนวน 4 467.5 ล้นบาท เพิ่มชื้นร้อยละ 2.1 หรือ 93.6 ล้านบาท และในไตรมาสนี้บริษัทฯ บันทึกกำไรสำหรับงวด จำนวน 396.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41.8 หรือ 284.2 ล้านบาท และมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ จำนวน 388.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 42.8 หรือ 291.5 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 447.0 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 142 มาอยู่ที่ 2,708.2 ล้านบาท จาก 3,155.2 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยด้านเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ (LTV) ที่สิ้นสุดลงในช่วงสิ้นปี 2565 ส่งผลกดดันให้ธุรกิจอสังทาริมทรัพย์ชะลอตัวลง ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้มีการเปิดโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ คือ โครงการบ้านเดี่ยว อัลพีน่า พระราม 2 ด้วยภาวะการแช่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยลดลงจากร้อยละ 32.0 มาอยู่ที่ร้อยละ 27.3 โดยบริษัทฯ หันมาเน้นโครงการบ้านเดี่ยวมากขึ้น ซึ่งความต้องการได้รับผลกระทบน้อยกว่าผลิตภัณฑ์อื่น โดย ณ สิ้นไตรมาสนี้บริษัทฯ มีโครงการดำเนินการอยู่จำนวนรวม 78 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 108,700 ล้านบาท


รายได้จากการให้เช่าและบริการที่เกี่ยวข้อง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 113.3 ล้านบาท หรือเพิ่มชื้นร้อยละ 19.0 มาอยู่ที่ 710.1 ล้านบาท จาก 596.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนที่เป็นปัจจัยบวก ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าต่อเนื่อง เป็นผลให้รายได้ค่าเช่าคลังสินค้ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยในไตรมาสนี้มีอัตราการเช่ารวมทั้งในและต่างประเทศสูงถึงร้อยละ 85


ในส่วนรายได้จากธุรกิจอาคารสำนักงานมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ค่าเช่าของโดรงการสีลมเอจ อาคาร Mixed use แห่งใหมใจกลางเมืองที่ได้เปิดตัวในไตรมาส 4 ปี 2565 โดย ณ สิ้นไตรมาสนี้อาคารสีลมเอจมีอัตราการเช่ายาวต่อไป


อาคารสำนักงานกว่าร้อยละ 92ในภาพรวมบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาอัตราการเช่าอาคารสำนักงานภายใต้การบริหารของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล ได้ในระดับสูงถึงร้อยละ 93


ㆍรายได้จากธุรกิจโรงแรม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 51.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.7 มาอยู่ที่ 137.1 ล้านบาท จาก 85.3 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทงมาเยือนประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากการยกเลิกมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในหลายประเทศ ส่งผลให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ ประกอบกับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวันที่เพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการ ซึ่งช่วยเสริมปัจจัยบวกต่อธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง


รายได้ค่าบริหารจัดการ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25.1 มาอยู่ที่ 213.4 ล้านบาท จากรายได้ค่าคอมมิชชันในการบริหารสินทรัพย์ให้กับ FTREIT


ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้สุทธิจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ให้บริษัทร่วมและการร่วมค้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 115.6ล้านบาทมาอยู่ที่ 3.4 ล้านบาทจากขาดทุน 32.2 ล้านบาทในช่วงเดียวกันซองปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมและการร่วมค้า

ในไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทฯ มีการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 482.3 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการจำหน่ายหุ้นทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่ในบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ โดยการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท ที่ปรับการใช้เงินลงทุนในอนาคตเพื่อมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งนี้บริษัท มีแผนการที่จะนำเงินทุนจากการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวมาเป็นเงินทุนเพื่อการเติบโตในธุรกิจหลักของบริษัทต่อไป นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายที่ดินอุตสาหกรรมจำนวน 178.9 ล้านบาทในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม


ทั้งนี้ บริษัทฯ มีต้นทุนจากการประกอบธุรกิจลดลงร้อยละ 2.0 หรือลดลง 51.1 ล้านบาท มาอยู่ที่ 2,497.9 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 33.7 ลดลงจากร้อยละ 36.4 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายอยู่ที่ 255.5 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 12.2 หรือ 35.6 ล้านบาท ตามจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่และยอดขายที่อยู่อาศัยที่ลดลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.8 หรือ 524.7 ล้นบาท มาอยู่ที่ 1,061.4 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการตั้งด้อยค่าของสินทรัพย์โครงกร เมย์แฟร์ แมริออท เอ็กเซกคิวทีฟ อพาร์ตเมนต์ ซึ่งบริษัทฯมีแผนการที่จะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury เพื่อเป็นการต่อยอดทางธุรกิจและเพิ่มผลตอบแทนให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว ส่งผลให้บริษัทฯมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 3,814.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 หรือ 438.1ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน


โดยในไตรมาสนี้ ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.0 หรือ 86.1 ล้นบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้และต้นทุนที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด จำนวน 396.0 ล้านบาท ลดลง 284.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.8 และมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ จำนวน 398.9 ล้านบาท ลดลง 291.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.8 กำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 0.17 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 3 ปี 2566 ปรับลดลงจาก 0.29 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

แนวโน้มในอนาคต

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2566 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตราคาพลังงาน และนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดในขณะที่เศรษรูกิจไทยได้รับปัจจัยบวกจากแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาดเอกชน เพื่อเป็นการสะท้อนแนวโน้มทางด้านเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ดณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้บรับชื้นดอกเบี้ยนโยบาย 025% สู่ระดับ 2.00%ในการประชุมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566


ในส่วนของอสังทาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย กำลังซื้อภายในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ตันทุนค่าวัสดุก่อสร้งที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการแข่งขันอย่างเข้มข้นในตลาดบ้านเดี่ยว อย่างไรก็ดี อุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในตลาดกลางถึงบนยังสามารถฟื้นตัวได้ดีและไม่ได้รับผลกระทบ


ด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม การส่งออกสินค้ในเดือนพฤษภาคมชะลอตัวลง 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมยังคงเป็นไปในทิศทางบวก โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในปี 2566 จากการย้ายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงความตึงเครียดทางด้นภูมิรัฐตาสตร์ นอกจากนี้ โครงการการลงทุนภาครัฐยังคงช่วยส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตไปยังอสังทาริมทรัพย์ที่ทันสมัย และให้ความสำคัญทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป


ด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน ตามการคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจเพิ่มการจ้างงาน จึงมีความต้องการพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้อาคารสำนักงานที่สร้างเสร็จใหม่ในพื้นที่ CBD และอาคาร Crade A ในพื้นที่ CBD ยังเป็นที่ต้องการของภาคธุรกิจ ทั้งนี้ การสร้างความแตกต่างและยกระดับการให้บริการ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและลดความเสี่ยงจากอุปทานส่วนเกินได้

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X