#SPALI #ทันหุ้น-SPALI มองยอดขายครึ่งหลังปีขยายตัวเด่น เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีกกว่า 27 โปรเจ็กต์ มูลค่ารวมกว่า 2.86 หมื่นล้านบาท หวังกระตุ้นยอดขายใหม่ได้เพิ่ม หลังครึ่งแรกปีทำได้แล้ว 1.72 หมื่นล้านบาท ตุนแบ็กล็อกหนา 1.9 หมื่นล้านบาท โบรกชูหุ้นน่าสน ปันผลยิลด์สูงกว่า 6%

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2566 เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี เนื่องจากบริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 27 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 28,600 ล้านบาท จากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วราว 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 14,285 ล้านบาท

*ผุด10 โปรเจ็กต์ Q3

โดยในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 9,650 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ที่เหลืออีก 9 โครงการเป็นโครงการแนวราบ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายใหม่ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ จากช่วงครึ่งแรกปีที่มียอดขายรวมแล้ว 17,286 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนใกล้เคียง 50% ของเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปี 2566 ที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท

ขณะที่การเติบโตของรายได้ปี 2566 นั้น มองว่ายังคงทำได้ดีตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ จะมีการเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท ที่ปัจจุบันปิดการขายได้แล้ว 100% รวมถึงยังคงมีการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 ของโครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 1,465 ล้านบาท อีกด้วย

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายในมือที่รอการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อีก19,804 ล้านบาท ที่คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 11,606 ล้านบาท และต่อเนื่องไปในปี 2567-2569 แบ่งเป็น 6,864 ล้านบาท 600 ล้านบาท และ 734 ล้านบาทตามลำดับ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขาย (Inventory) ในมืออีกมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5,000 ล้านบาท และคอนโด 15,000 ล้านบาท

ด้วยพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ทำให้สนใจและตัดสินใจซื้อโครงการที่มีการสร้างเสร็จแล้วมากกว่าการพรีเซล ทำให้สัดส่วนการซื้อบ้านสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 70% ส่วนที่เหลือ 30% เป็นการจองซื้อ ซึ่งในส่วนนี้ตัวเลขเริ่มขยับขึ้นมาบ้างแล้วโดยเฉพาะส่วนคอนโดหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลายตัวลง แต่ของดีของการขาย Inventory นั้น คือสามารถโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เข้ามาได้อย่างรวดเร็วในปีนี้ ทำให้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปีนี้ไว้ที่ 36,000 ล้านบาท

**จับตาการเมือง

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 ยังคงได้รับผลกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการกลับมาใช้มาตรการ LTV ที่มีผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ในระดับหนึ่ง แต่ข้อได้เปลี่ยนของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ คือ สถาบันการเงินมีการปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า หรือปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นที่ราว 0.18% ต่ำกว่า 1% ตลอดจนความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอน ซึ่งก็คาดหวังว่าประเด็นดังกล่าวจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยเร็ว

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ ซื้อ ”SPALI คาดว่า ยอด Presales แข็งแกร่งและโมเมนตัมของกำไร 2H/66 เป็นบวก ขณะที่ Valuations ยังไม่แพงโดยเทรด P/E ปี 2566F ที่ต่ำกว่า 6.0x อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจสูงกว่า 6% ต่อปี คงราคาเป้าหมาย 24.60 บาท  และ SPALI ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1H/66 ที่ 0.70 บาทต่อหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 ส.ค. 2566) หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.3%

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1