> Trendtalk > SPALI

03 ตุลาคม 2023 เวลา 06:20 น.

เจาะ SPALI

#ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวาน เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวรับสำคัญ 1465-1470 หลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1480 แต่ยังคงมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร และพลังงาน อย่างไรก็ดี เราแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นที่บริเวณแนวรับ 1470 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1500 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1460 ลงไป จะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1420


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ SPALI หรือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1) ที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านและที่ดินจัดสรร อาคารชุด ในทำเลทั่วเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด 2) เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงานให้เช่า และ 3) ธุรกิจรีสอร์ทโรงแรมในต่างจังหวัดผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 66 มีกำไรสุทธิ 1,700 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.87 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,075 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.06 บาท

ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 2,781 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.42 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,252 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.67  บาท


นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) กล่าวว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 บริษัทยังคงรักษาการเติบโตที่มั่นคงต่อเนื่องและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยสามารถสร้างรายได้รวม 14,346 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค โดยแบ่งเป็นรายได้กลุ่มสินค้าแนวราบ 65% ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ และรายได้กลุ่มคอนโดมิเนียม 35%


ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มกลับมามีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้นและลูกค้าให้ความสนใจซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกมีโครงการศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ มูลค่า 1,465 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จส่งมอบโครงการให้ลูกค้าไปเรียบร้อยแล้ว


ขณะที่บริษัทสามารถทำยอดขายรวม 6 เดือน อยู่ที่ 17,285 ล้านบาท มาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกทำเลโครงการที่มีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ รวมถึงเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว 10 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค


สำหรับกำไรสุทธิเท่ากับ 2,781 ล้านบาท และอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 50% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.30% ต่อปี ณ วันที่ 30 มิ.ย. 66


บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 19,804 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 66 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2566 อีกจำนวน 11,606 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทยังเดินหน้าสรรหาที่ดินในทุกทำเล สำหรับรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และยังเตรียมส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าสามารถทำผลงานถึงเป้ายอดขายและรายได้ที่ตั้งไว้เช่นเดิม


ปี 66 บริษัทได้วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ภูมิภาค ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ เติบโตเกือบ 10% จากปีก่อน คิดเป็น 50% ของเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปีที่ 3.6 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในภูมิภาครวม 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 58% ของมูลค่าโครงการที่จะเปิดใหม่รวมทั้งปี


บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการ 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ลำพูน ลำปาง นครปฐม ราชบุรี และ จันทบุรี นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่จัดซื้อที่ดินแล้วแต่ยังไม่ได้พัฒนาโครงการ โดยจะทำให้บริษัทมีโครงการครอบคลุมกว่า 31 จังหวัดภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ ส่วนจังหวัดที่ยอดขายดีในอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน คือ ภูเก็ต ชลบุรี สงขลา ระยอง และ เชียงใหม่


อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายโครงการในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทลงทุนพัฒนาโครงการในหัวเมืองจังหวัดต่างๆรวมกว่า 30 จังหวัด ทั่วประเทศ รวม 161 โครงการ ซึ่งสามารถเป็นอันดับ 1 ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งตลาด (Market share) มากที่สุด โดยหลังจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% ซึ่งปีนี้บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการ 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ลำพูน ลำปาง นครปฐม ราชบุรี และ จันทบุรี นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่จัดซื้อที่ดินแล้วแต่ยังไม่ได้พัฒนาโครงการ โดยจะทำให้บริษัทมีโครงการครอบคลุมกว่า 31 จังหวัดภายใน 2 ปีข้างหน้านี้


สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 66 โครงการภูมิภาคของบริษัทสามารถกวาดยอดขาย (Presale) แล้ว 7.78 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 65 โดยแบ่งเป็นยอดขายกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม 570 ล้านบาท เติบโต 72% และ โครงการแนวราบ 7.21 พันล้านบาท เติบโต 6% หรือ คิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่มาจากตลาดภูมิภาคเท่ากับ 45%

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 20.00 หลังจากพยายามฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่เราคาดว่า ราคาหุ้นน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวเหนือแนวรับสำคัญกลับขึ้นไป โดยมีแนวต้านที่ 20.80-21.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 22.00 เป็นแนวต้านสำคัญ แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 20.00 ลงไป ควรขายหุ้นออกไปก่อน


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X