> SET > MST

27 ตุลาคม 2023 เวลา 08:48 น.

MST ไตรมาส 3 กำไร 120 ล. เพิ่ม 2% งวด 9 เดือนกำไร 351 ล. ลดลง 28.6%

#MST #ทันหุ้น - บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 120.08 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.21 บาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 117.69 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.21 บาท

สำหรับงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 350.83 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.61 บาท ลดลง 28.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 491.03 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.86 บาท


บริษัทชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 120.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.03 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 117.69 ล้านบาท


สาเหตุการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มีสาระสำคัญ

1. รายได้ค่านายหน้าลดลง 69.09 ล้านบาท จาก 345.18 ล้านบาท เหลือ 276.09 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 20.02 เนื่องจาก

1.1 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 69.23 ล้านบาท จาก 304.46 ล้านบาท เหลือ 235.23 ล้านบาท หรือลดลงร้อย ละ 22.74 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 71,210.58 ล้านบาท /วัน เหลือ 51,433.97 ล้านบาท /วัน หรือ ลดลงร้อยละ 27.77 และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลงจากร้อยละ 37.74 เหลือร้อยละ 33.29 อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลลดลงจาก 26, 874.37 ล้านบาท/วัน เหลือ 17 313.80 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 35.58

1.2 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.14 ล้านบาท จาก 40.73 ล้านบาท เป็น40.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.34


2. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 42.49 ล้านบาท จาก 85.99 ล้านบาท เหลือ 43.50 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 49.41 เนื่องมาจาก ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำน่ายหลักรัพย์ลดลง 27.23 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 16.34 ล้านบาท และค่าธรมเนียมและบริการนลดลง 1.26 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าธรรมเนียมจากการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 2.34 ล้านบาท


3. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 138.64 ล้านบาท จาก 245.01 ล้านบาท เป็น 383.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.58 เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 52.31 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 41.46 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 42.63 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 2.24 ล้านบาท


4. ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 19.63 ล้านบาท จาก 532.33 ล้านบาท เป็น 551.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.69 เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 65.40 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 32.50 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 8.09 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 0.68 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นลดลง 4.50 ล้านบาท


5. ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 5.04 ล้านบาท จาก 26.17 ล้านบาท เป็น 31.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.26 เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.03


สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 350.83 ล้านบาท ลดลง 140.20 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 28.55 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 491.03 ล้านบาท


สาเหตุการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มีสาระสำคัญ

1. รายได้ค่านายหน้าลดลง 373.08 ล้านบาท จาก 1,316.21 ล้านบาท เหลือ 943.13 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 28.35 เนื่องจาก

1.1 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 386 ล้านบาท จาก 1,195.51 ล้านบาท เหลือ 809.51 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 32.29 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 81,816.17 ล้านบาท/วัน เหลือ 56,218.12 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 31.29 และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลงจากร้อยละ 39.77 เหลือร้อยละ 34.24 อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลลดลงจาก 32,536.51 ล้านบาท/วัน เหลือ 19,243.21 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 40.86

1.2 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 12.92 ล้านบาท จาก 120.71 ล้านบาท เป็น 133.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.70


2. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 53.05 ล้านบาท จาก 177.01 ล้านบาท เหลือ 123.96 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 29.97 เนื่องมาจาก ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 21.45 ล้านบาท ค่าธรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ลดลง 32.88 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นลดลง 3.69 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าธรรมเนียมจากการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 4.97 ล้านบาท


3. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 275.28 ล้านบาท จาก 758.08 ล้านบาท เป็น 1,033.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.31 เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 113.49 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 102.87 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 28.10 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 30.82 ล้านบาท


4. ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 20.80 ล้านบาท จาก 1,639.45 ล้านบาท เป็น 1,660.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.27 เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 169.35 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 13.23 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 147.37 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 12.26 ล้านบาท และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 2.15 ล้านบาท


5. ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 31.46 ล้านบาท จาก 120.83 ล้านบาท เหลือ 89.37 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 26.04 เนื่องมาจากการลดลงของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้


ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ลดลงจากผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28.55




รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X