> SET > DTCENT

06 พฤศจิกายน 2023 เวลา 11:05 น.

DTCENTลุยส่งออเดอร์โค้งท้าย ดีลพาร์ตเนอร์กัมพูชารุกตปท.

#DTCENT #ทันหุ้น - DTCENT มองไตรมาส 4/2566 แนวโน้มดี งานในมือสามารถส่งมอบได้และรับรู้รายได้ตามกำหนด เร่งเครื่องโกยงานใหม่เติมพอร์ต รับอานิสงส์การท่องเที่ยวขยายตัว หนุนอัตราการใช้บริการระบบ GPS Tracking ปรับตัวเพิ่มขึ้น สยายปีกโกอินเตอร์เจรจาพาร์ตเนอร์องค์กรใหญ่ในกัมพูชา


นายทศพล  คุณะเพิ่มศิริ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะมีการขยับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีงานหลายโครงการที่บริษัทเคยได้รับมาก่อนหน้านี้สามารถปิดงานและส่งมอบได้ตามกำหนด ทำให้มีการรับรู้รายได้ในส่วนนี้เข้ามาเพิ่มเติม และรักษามาร์จิ้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่วางไว้


*รุกชิงงานใหม่


ปัจจุบันบริษัทยังคงมีความสนใจในการเข้ารับงานโครงการใหม่ๆ จากหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในส่วนที่เป็น บริการระบบ GPS Tracking ผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ IoT Solution รองรับการขยายโครงการของภาครัฐ เช่น งานโครงการด้านเมืองอัจฉริยะ (SMART CITY) ตามเทศบาลต่างๆ และ ระบบ AI อย่าง BAMS (Business Activity Management System) รวมทั้งระบบบริหารจัดการน้ำ และระบบ BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform อย่างต่อเนื่อง


ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเข้าไปพูดคุยหารือกับทางขนส่งเพื่อร่วมมือกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ให้รองรับสำหรับการควบคุมการขนส่งแบบภาคบังคับ อาทิ การขนส่งบุคคล และการขนส่งสารเคมี รวมไปถึงเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ที่จะนำเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วย เบื้องต้นคาดว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนในช่วงกลางปี หรือไม่เกินปลายปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งข้อดีของการได้รับงานดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีโอกาสสูงมากในการต่อสัญญาในครั้งต่อๆ ไป


ทั้งนี้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทำให้อัตราการใช้บริการในส่วนของบริการระบบ GPS Tracking ขยายตัวเพิ่มขึ้น มองว่าจากการที่รัฐบาลชุดใหม่มีแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจและโดยเฉพาะการท่องเที่ยว และเปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว 2 ประเทศ คือ จีน และคาซัคสถาน ให้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เชื่อว่าจะช่วยให้ความต้องการเดินทางท่องเที่ยว และการใช้รถขนส่งและโลจิสติกส์ให้เพิ่มขึ้น จะส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อบริการระบบ GPS Tracking ของบริษัทอีกด้วย


*สยายปีกต่างแดน


พร้อมกันนี้ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เชิงรุกใหม่ด้วยการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มรายย่อยและยานยนต์ส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมีแผนเปิดร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับป้องกันอุบัติเหตุและความปลอดภัยในยานยนต์เพิ่มมากขึ้น ภายในสิ้นปี 2566 คาดจะมีช็อปเปิดให้บริการไม่น้อยกว่า 8 สาขา จากปัจจุบันที่มี 6 สาขา และในช่วงกลางปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 15 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล และในหัวเมืองจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ


โดยภายในร้านจำหน่ายดังกล่าวจะมีผลิตภัณฑ์กล้องติดหน้าและหลังรถยนต์ บริการติดตั้ง รวมถึงให้บริการด้านประกันภัยต่างๆ ของพันธมิตรเข้าไปให้บริการร่วมด้วย นอกจากนี้ ด้วยร้านจำหน่ายที่กระจายไปในหัวเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ ยังช่วยประหยัดต้นทุนในการดูแลฐานลูกค้าเดิม และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงและการให้บริการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายจะมีรายได้จากช็อปคิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้รวม


ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจที่จะนำเอาผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งเกี่ยวเนื่องกับระบบ GPS Tracking และระบบบริหารจัดการน้ำ และระบบ BIM ขยายการให้บริการและการจำหน่ายออกไปยังตลาดต่างประเทศอีกด้วย ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจากับทางพันธมิตรที่เป็นองค์กรใหญ่ มีศักยภาพในประเทศกัมพูชา เบื้องต้นคาดว่าใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะได้ข้อสรุป


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X