TU "กรุงศรี" คาดฟื้นชัดปี 67 ชูหุ้นปลอดภัย-ปันผลสูง

#ทันหุ้น - บล.กรุงศรี ระบุกลับมาศึกษาหุ้น TU ด้วยคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย ที่ 17.50 บาท มองว่าอัตรากำไรในปี FY66F จะเป็นจุดต่ำสุดของ บริษัท เนื่องจาก 1) ยอดขายลดลงหลัง Covid ซึ่งอุปสงค์อาหารทะเล กระป๋องสูง และ 2) ราคาวัตถุดิบที่สูงฉุดให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง yoy ทั้งนี้ เนื่องจากทั้งยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นกลับมาเป็นปกติ ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะฟื้นตัวขึ้น 11% ในปี FY67F จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 5.1% และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 0.7ppt เนื่องจากคาดว่าราคาปลาทูน่าจะลดลงมาอยู่ในช่วง USD1,500-1,600/ton ในปี FY67F จาก USD1,600-1,700/ton ในปี FY66F

ราคาปลาทูน่าขาลงจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นปี FY67F

ในงวด 1H66 ราคาวัตถุดิบปลาทูน่า (43% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 29% yoy และขึ้นไปถึงระดับสูงสุดที่ USD2,000/ton ในเดือนมิถุนายน 2566 ทั้งนี้ จากการที่ราคาปลาทูน่าลดลงมาอยู่ที่ USD1,600/ton ในเดือนตุลาคม 2566 จาก USD2,000/ton ใน Q2/66 ทำให้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าราคาปลาทูน่ากำลังอยู่ในขาลง ดังนั้น จึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีตัวขึ้นเป็น 17.2% ในปี FY67F จาก 16.5%

ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงอาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี FY66F

และคาดว่ายอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของ TU (i-Tail Corporation, ITC, Unrated) จะลดลง 30% yoy ในปี FY66F จากฐานที่สูงในปี FY65 ซึ่งเป็นช่วงที่ COVID ระบาด ทำให้ผู้คนอยู่บ้าน และเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ายอดขายของ ITC (ถือหุ้น 80% และคิดเป็น 36% ของกำไร) อาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี FY66F และจะโตได้ 11% ในปี FY67F

ราคาเป้าหมายอิง P/E ความเสี่ยงหลักความผันผวนราคาวัตถุดิบ

ประเมินราคาเป้าหมายของบริษัทที่ 17.50 บาท อิงจาก P/E ปี FY24F ที่ 15.4x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 16.4x โดยราคาหุ้นในปัจจุบันต่ำกว่า BV ที่ 16.90 บาท (สิ้นปี FY67F) อยู่ 21% ทั้งนี้ จากแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนในปี FY67F และราคาหุ้นที่น่าสนใจ จึงมองว่า TU เป็นหุ้นปลอดภัยที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง