MGT โชว์โมเดลธุรกิจปีมะโรง ขายแพ็กเกจ-ดีมานด์พุ่ง

#MGT #ทันหุ้น – MGT กางแผนงานปีมังกรทอง ปักเป้าดันรายได้โต 15-20% จากปีก่อน เล็งขายสินค้าแบบแพ็กเกจ พร้อมจัดการสต๊อกให้ลูกค้า หลังพบดีมานด์เคมีภัณฑ์ในต่างแดนเพียบ ด้านบิ๊กบอส “วิทยา อินาลา” เตรียมบุ๊กเงินลงทุนสตาร์ทอัพสิงคโปร์เข้าพอร์ต

ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปี 2566 คาดจะทำได้ราว 900 ล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจาก บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ โดยการทำการตลาด และขายสินค้าแบบแพ็กเกจ ซึ่งบริษัทวางแผนจะบริหาร จัดการสต๊อกสินค้าให้กับลูกไปค้าไปพร้อมกัน เนื่องด้วยสงครามต่างประเทศจะทำให้ดีมานด์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษสูงขึ้น บริษัทจะใช้โอกาสนี้บริการลูกค้า เพื่อสนับสนุนการเติบโตปี 2567 ให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้รายได้โดยรวมจะมาจากบริษัทในเครืออย่าง บริษัท กรีน ลีฟ เคมิคอล จำกัด และบริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด

** ดันยอดขาย

สำหรับทิศทาง บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด บริษัทคาดยอดขายปี 2567 จะใกล้เคียงปีก่อน ออเดอร์และยอดขายอาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับช่วงโควิดระบาดหนักในประเทศ เพราะการใช้เอทานอลสำหรับผลิตแอลกอฮอล์ลดลง แต่บริษัทยังมีออเดอร์จากลูกค้าหลัก เช่น กลุ่มน้ำหอม สั่งออเดอร์เป็นปกติ คาดยอดขายจะอยู่ที่ระดับ 170-180 ล้านบาท

ส่วนบริษัทบริษัท กรีน ลีฟ เคมิคอล จำกัด หลังจากการปรับโครงสร้างในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันสามารถทำงานเป็นปกติแล้ว และสามารถทำยอดขาย กำไรให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

“ปี 67 มองว่าธุรกิจและภาพรวมต่างๆ น่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจของเรา ตอนนี้มีคู้ค้าเข้ามาเยอะมาก เพราะเราทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์หลายประเทศ และคู่ค้า ลูกค้ามีความมั่นใจในการซื้อขายสินค้าของเรา” ดร.วิทยา กล่าว

ล่าสุดบริษัทลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศสิงคโปร์ บริษัท JIOS AEROGEL HOLDINGS PTE. LTD. ผู้ผลิตและจำหน่ายฉนวนกันความร้อนแบตเตอรีรถยนต์อีวี (EV) บริษัทได้ซื้อหุ้นเกิน 5% โดยใช้เงินลงทุนราว 74 ล้านบาท โดยเล็งเห็นว่าปัจจุบันรถยนต์อีวีมีการเติบโตค่อนข้างมาก และความปลอดภัยต้องมีในระดับสูง ฉนวนกันความร้อนแบตเตอรี จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตรถยนต์อีวี ซึ่งบริษัทต้องการยอดธุรกิจ และสร้างฐานการเติบโตกับกระแสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

** เดินหน้าลงทุน

ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนใน ธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ในประเทศเกาหลี บริษัท ABio materials Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ผลิตสเต็มเซลล์ (Stem Cell) เพิ่มเติมโดยซื้อหุ้นราว 8-9% เพื่อทำธุรกิจความงามในอนาคต

บริษัทมีแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ 1.มีนโยบายชัดเจนในการซื้อขายเงินตราล่วงหน้าและยืดหยุ่นให้ทันต่อเหตุการณ์ 2.ขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกๆ อุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุตสาหกรรมของกลุ่มลูกค้าหลัก 3.ติดตามสถานการณ์ห่วงโซ่อุปทานของคู่ค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบจากโลจิสติกส์ และการควบคุมการใช้ไฟฟ้าของประเทศจีน ซึ่งอาจทำให้การนำเข้าสินค้าล่าช้ากว่าปกติ 4.กระจายความเสี่ยงและไปลงทุนในอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับโลกมากขึ้น