นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า ปี 2567 ในส่วนของธุรกิจเกษตรบริษัทมีแผนจะเดินหน้าบุกตลาดเวียดนาม หลังเจาะตลาดสปป.ลาว เมียนมา ได้แล้ว โดยตลาดเวียดนามคาดขนาดตลาดจะใกล้เคียงกับประเทศไทยหรือมีขนาดใหญ่ เพราะจากเดิมเวียดนามทำนา หรือปลูกข้าวเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันเวียดนามจะย้ายมาทำพืชสวน เช่น ปลูกทุเรียน อาโวคาโด เป็นต้น
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเจรจากับกลุ่มลูกค้าที่เวียดนามไปแล้วบ้าง แต่ส่วนใหญ่ต้องการสินค้าราคาถูก และมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทมั่นใจสินค้าจะตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างดี อย่างเช่นที่ลาว สินค้าจากจีนไม่สามารถขายได้ที่สปป.ลาว เนื่องจากภูมิประเทศสปป.ลาวเป็นภูเขา และแข็ง ส่วนสินค้าของ KWM ผลิตเอง มีประสิทธิภาพดีกว่าจีน ดังนั้นการขยายตลาดที่ลาวไม่ยาก ส่วนเวียดนามเป็นตลาดใหม่ บริษัทจะเน้นการขยายงานไปต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งภาครัฐของเวียดนามมีการส่งเสริมธุรกิจเกษตร บริษัทคาดดีมานด์สินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์เกษตรจะมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้หากบริษัทต้องการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น อาจต้องปรับสินค้าให้ตรงกับการใช้งานของต่างประเทศ สำหรับตลาดต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด มียอดขายที่อเมริกาต่อปีที่ 3 ล้านใบต่อปี และยอดขายทั่วโลกน่าจะอยู่ที่ราว 10 ล้านใบ ขณะที่บริษัทมียอดขายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 4 แสนใบ หากเทียบกับยอดขายรายใหญ่อยู่ที่เพียง 4-5% และเป็นโอกาสที่จะเติบโตได้อีก และน่าจะแข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้ เพราะสินค้าดี มีคุณภาพ
สำหรับสัดส่วนการขายสินค้านอกเหนือจากการขายให้กับ คูโบต้า ปี 2565 บริษัทมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ราว 20% จากก่อนหน้านี้ไม่ถึง 5% โดยมีแนวโน้มยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดปี 2567 จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทจะเน้นขยายตลาดไปต่างประเทศ เพราะตลาดในประเทศการสร้างมาร์เก็ตแชร์เพิ่มอีก 1-2% ค่อนข้างยาก ขณะเดียวกันการขายสินค้านอกกลุ่มคูโบต้าช่วยสร้างอัตรากำไร (Gross Profit Margin) ดีกว่า หากขยายตลาดนี้ได้มากขึ้น คาดจะช่วยให้ Gross Profit Margin ดีกว่าปี 2566 ที่ผ่านมา
บริษัทคาดการขายสินค้านอกกลุ่มคูโบต้า ปี 2567 คาดจะเติบโต 30% ต่อจากปีก่อน หรือจะผลักดันมีรายได้จาก 70 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท
นายเอกพันธ์ กล่าวต่อว่า บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด (LABACTIVE) ดำเนินธุรกิจสกัดสารกัญชง ซึ่งบริษัทได้ลงทุนเครื่องวัดปริมาตรสารสกัด เพื่อให้ได้มาตรฐาน และกรอบการควบคุมสารสกัด คาดปี 2567 จะดีกว่าปี 2566 บริษัทเป็นรายใหญ่ในประเทศสำหรับสกัดสาร เพราะบริษัทสามารถออกใบรับรองของสารได้อีกด้วย
ขณะที่รายได้ปี 2567 คาดจะเติบโต 15% จากการขยายตลาดการขาย รวมถึงแผนการลงทุนต่างๆ ในปี 2566 จะตกผลึกและเห็นผลในปี 2567
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม