นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 1/2567 มองว่ายังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะการผลิตและขายสินค้านอกกลุ่มบริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บริษัทคูโบต้า) โดยบริษัทผลิตและขายภายใต้แบรนด์สินค้า “Pegasus” ทั้งใบจักร ใบผาล ใบคัดท้าย ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง ซึ่งสินค้าที่บริษัทผลิตเอง มีอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) สูงถึง 30% เมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่มคูโบต้า
ขณะที่มาร์จิ้นโดยรวม คาดบริษัทจะพยายามให้อยู่ที่ระดับ 20% ส่วนภาพเกษตรปี 2567 บริษัทมองว่าจะเติบโตดีต่อเนื่องจากปีก่อน เพราะประเทศไทยยังเป็นประเทศการทำเกษตรกรรม และการขายสินค้าเกี่ยวกับการเกษตรจะเติบโตสอดคล้องไปกับภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันตลาดต่างประเทศ ยังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ KWM จะขยายธุรกิจไป ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากประเทศเวียดนามแล้ว คาดจะมียอดขายเฉลี่ยปีละ 3-4 ล้านบาท ส่วนที่เมียนมาบริษัทได้ออเดอร์แล้วราว 20 ล้านบาท ส่วนที่สปป.ลาว คาดจะมียอดขายสูงกว่าที่เมียนมา บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2567 โต 15% ซึ่งยังเป็นระดับที่คาดว่าจะเติบโตได้ เพราะบริษัทมีช่องทางขยายธุรกิจไปต่างประเทศ และการขายสินค้าแบรนด์ตัวเอง หรือแบรนด์ “Pegasus” ซึ่งมีแนวโน้มยอดขายเติบโตดีต่อเนื่อง
บริษัทคาดการขายสินค้านอกกลุ่มคูโบต้า ปี 2567 คาดจะเติบโต 30% ต่อจากปีก่อน หรือจะผลักดันมีรายได้จาก 70 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท
“ปีนี้ยังไม่มีแผนลงทุนอะไรเพิ่มเติม เพราะเราลงทุน 1-2 ปีอย่างต่อเนื่อง ทั้งเปลี่ยนวัสดุจากเหล็กธรรมดาเป็นเหล็กโบรอน และปีนี้จะเป็นปีเก็บเกี่ยวผลการลงทุน” นายเอกพันธ์ กล่าว
นายเอกพันธ์ กล่าวต่อว่า บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด (LABACTIVE) ดำเนินธุรกิจสกัดสารกัญชง ซึ่งบริษัทได้ลงทุนเครื่องวัดปริมาตรสารสกัด เพื่อให้ได้มาตรฐาน และกรอบการควบคุมสารสกัด คาดปี 2567 จะดีกว่าปี 2566 บริษัทเป็นรายใหญ่ในประเทศสำหรับสกัดสาร เพราะบริษัทสามารถออกใบรับรองของสารได้อีกด้วย
สำหรับผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้ 462.95 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.22 ล้านบาท ทั้งนี้ผลประกอบการปรับตัวลดลงเป็นผลจากการหดตัวของสินค้ากลุ่มใบผาล ใบดันดิน และใบเกลียว ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจการเกษตรลดลงจากปีก่อน 0.30% อีกทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนและสถานการณ์ภัยแล้ง ส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ทั้งด้านปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปีก่อน และน้ำในแอ่งเก็บน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติลดลง
ประกอบกับอากาศร้อนยาวนานตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนพฤษภาคม 2566 และฝนทิ้งช่วง ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ราคาปัจจัยการผลิตหลายชนิดยังอยู่ในระดับสูง ทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และปุ๋ยเคมี ทําให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นด้วยปัจจัยดังกล่าวทําให้ความต้องการรถไถใหม่ลดน้อยลง ส่งผลต่อเนื่องไปยังความต้องการต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างใบผาลและใบดันดินที่ติดไปกับรถไถด้วย ทั้งนี้คาดการณ์ว่า สภาวะภัยแล้งจากสถานการณ์เอลนีโญจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2567
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติการจ่ายปันผล โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) 7 พฤษภาคม 2567 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2567และมีอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสดที่ 0.058 บาทต่อหุ้น
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม