Yuanta ชวนแซ่บ by อ.อ้วน : THRE กำลังเปลี่ยนไป

#THRE #ทันหุ้น - สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน ก่อนอื่นขอสุขสันต์เทศกาลตรุษจีนทุกท่านก่อนนะครับ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของนักลงทุน สุขภาพร่างกายแข็งแรง เฮงๆ รวยๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปครับ สำหรับหุ้นที่เคลื่อนไหวได้ดีในช่วงเทศกาลตรุษจีน ผมเคยเล่าให้นักลงทุนเห็นภาพไปแล้วว่าเป็นกลุ่มสินค้าเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มฟาร์มสัตว์บก ที่นอกจากจะได้แรงหนุนจากเทศกาลตรุษจีนแล้ว ยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของผลประกอบการ ที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q/66 ด้วย เพราะต้นทุนการเลี้ยงอ่อนตัวลงตามราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลือง อีกทั้ง Valuation ยังอยู่ในโซนที่ไม่แพง ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจคือ CPF และ GFPT

สำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นคือ THRE หรือบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทเดียวในไทยที่ดำเนินธุรกิจรับประกันภัยต่อให้กับบริษัทประกันภัยแบบ Non-Life นั้นคือ หากบริษัทประกันรับเบี้ยประกันของบางผลิตภัณฑ์มามาก จนความเสี่ยงของพอร์ตเริ่มสูงเกินไป บริษัทประกันจะส่งผ่านเบี้ยประกันส่วนเกินดังกล่าวให้กับบริษัทรับประกันภัยต่อ เพื่อลดความเสี่ยงและลดภาระจากการดำรงเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้ THRE เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของบริษัทประกันภัย ในฐานะช่องทางในการบริหารความเสี่ยง โดย THRE มีประสบการณ์ในธุรกิจนานกว่า 40 ปี ทำให้มีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า อีกทั้งบริษัทยังมีค่าสถิติของธุรกิจประกันภัยจำนวนมากและความชำนาญในการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ช่วยให้ THRE ได้รับเบี้ยประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัยเพิ่มขึ้นในระยะยาว นอกจากนี้ THRE ยังได้ Fitch Credit Rating ที่ระดับ A- (Strong) ทำให้มีศักยภาพในการขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับ 4Q/66 เราคาด THRE จะมีกำไรสุทธิ 56 ล้านบาท โต 10.4%QoQ และโต 75.5%YoY หนุนจากการขยายเบี้ยรับประกันภัยต่อที่สูงขึ้น จากทั้งการฟื้นตัวของเบี้ยประกันภัยในกลุ่มยานยนต์และความนิยมของประกันสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น ตามการตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่สูงขึ้นในช่วงหลัง COVID-19 นอกจากนี้คาด Combined Ratio จะลดลงเหลือ 95% จาก 98% ใน 4Q/65 หลังบริษัทมีการปรับเงื่อนไขในการทำสัญญารับประกันภัยต่อฉบับใหม่ๆ ให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารค่าสินไหมและค่า Commissions มากกว่าเดิม ส่วนรายได้จากเงินลงทุนคาดเพิ่มขึ้น 35.4%YoY หนุนจากพอร์ตลงทุนที่ใหญ่ขึ้นตามเบี้ยประกันภัยต่อรับ (คาดประกาศงบ 4Q/66 วันที่ 28 ก.พ.) หนุนให้ทั้งปี 2566 คาด THRE จะมีผลดำเนินงาน Turnaround กลับมามีกำไรสุทธิ 174 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิในปี 2565 ราว 194 ล้านบาท ส่วนปี 2567 คาดกำไรสุทธิที่ 261 ล้านบาท โตเด่น 50.2%YoY หลังไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งสำรองเข้ามารบกวน รวมถึงได้ผลบวกจากอัตราเบี้ยประกันภัยต่อที่สูงขึ้นเต็มปีเป็นครั้งแรก ประกอบกับผู้บริหารมีแผนขยายเบี้ยประกันภัยรับอีกราว 10%YoY และคุมระดับ Combined Ratio ให้ไม่เกิน 95% หลังเน้นการทำสัญญารับประกันภัยต่อที่เป็น Sliding Scale มากขึ้น (รักษาอัตรากำไรโดยกำหนดการจ่ายผลประโยชน์และค่า Commission ให้สอดคล้องกัน)

เรามอง THRE เป็นหุ้นขนาดเล็กที่ผลดำเนินงาน Turnaround และตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก อีกทั้งในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน เราเห็นถึงสัญญาณเชิงบวก จากทั้งพัฒนาการของบริษัทเองและภาวะอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ส่วนในแง่ Valuation เรามองว่าราคาหุ้น THRE ปัจจุบันที่ซื้อขายด้วยระดับ PBV ปี 2567 ต่ำเพียง 0.9x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี – 1 S.D. สะท้อนราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับ PBV ในอดีต

นอกจากนี้เราได้ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ของ THRE โดยอิง Prospective PBV ที่ 1.1x (สมมติฐานในการประเมินมูลค่าตามภาพที่ 1) ได้มูลค่าพื้นฐานกรณีปกติที่ 1.02 บาทมี Upside 27.3% จากราคาปัจจุบัน แต่หากรวมมูลค่าเงินลงทุนใน BVG ที่ยังไม่ได้ปรับเป็นมูลค่าตลาดอีกหุ้นละ 0.29 บาท โดยมี Discount 20% จะได้มูลค่าพื้นฐานที่ 1.25 บาท มี Upside 56.3%

ทั้งนี้หากเทียบ PBV กับผู้รับประกันภัยต่อในตลาดโลกพบว่าปัจจุบัน THRE ยังซื้อขายด้วย PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1.7x มากพอสมควร (ภาพที่ 2) ทำให้เรามองว่าหากผลดำเนินงานของ THRE มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจนล้างขาดทุนสะสมได้ตามแผน และสามารถพิสูจน์ความสามารถในการควบคุม Combined Ratio ให้ได้ตามเป้าหมายของบริษัท THRE จะมีโอกาสถูกซื้อขายด้วย PBV ที่มี Discount จากค่าเฉลี่ยน้อยลงจากปัจจุบัน