Health care: Long-term potential ยาลดน้ำหนัก และนวัตกรรมอื่น ๆ โอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมการแพทย์

#Investment-Focus by KTAM #ทันหุ้น Health care: Long-term potential ยาลดน้ำหนัก และนวัตกรรมอื่น ๆ กำลังจะเป็นโอกาสสำคัญ ให้กับอุตสาหกรรมการแพทย์ในอนาคต

• การตื่นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุมัติเกี่ยวกับยาลดน้ำหนักประเภทใหม่เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนผลตอบแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมทางการแพทย์ในปัที่ผ่านมา
• ทำให้บางบริษัทกำไรอย่างมากจากการอนุมัติยาดังกล่าว แต่กลับสร้างความสูญเสียให้กับผู้ให้บริการการรักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วนแบบดั้งเดิมบางราย
• ทำให้เกิดการประเมินมูลค่าในภาคธุรกิจในระดับที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ
• นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากยาลดน้ำหนักแล้ว ผู้ให้บริการด้านการจัดการอาจมีศักยภาพที่น่าสนใจ เนื่องจากตลาดประกันสุขภาพของสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว

ปี 2023 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติของภาคการดูแลสุขภาพ เนื่องจากความตื่นเต้นเกี่ยวกับยาลดน้ำหนักตัวใหม่ที่มีแนวโน้มจะเป็นที่ต้องการอย่างรวดเร็วทั่วโลก นอกจากนี้ยังจำได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่แบ่งระหว่าง "ผู้ชนะ" และ "ผู้แพ้" ที่สำคัญจากการพัฒนาการนี้ โดยมูลค่าหุ้นของบริษัทที่เป็นผู้คิดค้นยาลดน้ำหนักปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก และไปกดดันราคาหุ้นของผู้ให้บริการการรักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วนแบบดั้งเดิมบางรายอย่างหนักเช่นกัน

ในปีนี้จึงเป็นปีที่ยากต่อการคาดการณ์ว่าหุ้นหรือกลุ่มใดที่จะสามารถเอาชนะตลาดได้ แต่ในกลุ่มอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ในภาคการดูแลสุขภาพอาจมีข้อได้เปรียบที่ถูกกดดันมาเป็นเวลานานจากการชะลอการอนุมัติตัวอย่างใหม่ๆตั้งแต่เกิดโควิด-19ทำให้หากไปดูการประเมินมูลค่าหุ้นในกลุ่มนี้เทียบกับในอดีตหรือในกลุ่มอื่นๆ ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยหากยิ่งรวมถึงโอกาสในผลิตภัณฑ์ใหม่และแนวโน้มระยะยาวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เข้าสู่ปีแห่งนวัตกรรม

หากเปรียบเทียบกับนักลงทุนที่สนใจของการเข้ามาของเทคโนโลยีเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ผลักดันผลตอบแทนในภาคเทคโนโลยีและบริการการสื่อสารในปีที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมทางการแพทย์มีการตื่นตัวของนักลงทุนที่ให้ความสนใจในการใช้ยาลดน้ำหนักก็เป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังผลตอบแทนของหุ้นด้านการดูแลสุขภาพ

ในทางกลับกัน หุ้นของผู้ผลิตยาเหล่านี้ก็มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก ข้อเสียคือหุ้นของผู้ผลิตอุปกรณ์ดูแลสุขภาพบางรายที่ให้บริการในตลาดโรคเบาหวาน เช่น ผู้ผลิตอินซูลิน ประสบภาวะขาดทุนเนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลว่ายาลดน้ำหนักอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการอุปกรณ์รักษาโรคเบาหวานในระยะยาวอย่างไร รวมถึงการใช้บริการด้านสุขภาพยังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยที่ชะลอการผ่าตัดและการรักษาในช่วงที่เกิดโรคระบาด ยังคงไปรับบริการในโรงพยาบาล สำนักงานแพทย์ และศูนย์ดูแลผู้ป่วยนอกในจำนวนที่เพิ่มขึ้น

สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือผลตอบแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมทางการแพทย์ โดยรวมยังไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไรหนัก เพราะนักลงทุนยังไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าที่ควรในปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ มีแนวโน้มที่จะถูกมองว่าเป็นกลุ่มหุ้นประเภท Defensive ซึ่งเป็นข้อเสียเปรียบในปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนนิยมหุ้นที่มีการเติบโตขนาดใหญ่ (โดยเฉพาะของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ถูกมองว่ามีศักยภาพในการเล่นปัญญาประดิษฐ์) มากกว่า สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดผลตอบแทนโดยรวมของภาคส่วนนี้

กลุ่มบริษัทยาลดน้ำหนักยุคใหม่

Ozempic ®และ Wegovy ® ของ Novo Nordisk และ Eli Lilly's  Zepbound™ และ Mounjaro™ อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษาทั้งโรคเบาหวานและโรคอ้วน เมื่อรวมกันแล้ว ผู้นำ 2คนนี้ในพื้นที่นี้เพิ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา

ตลาดยาลดน้ำหนักนี้มีศักยภาพอย่างมาก เพราะชาวอเมริกันประมาณ 38 ล้านคนเป็นโรคเบาหวาน และชาวยุโรปประมาณ 60 ล้านคนเป็นโรคเบาหวาน และมีการคาดการณ์ว่ามีคนที่เป็นโรคอ้วนมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก ผลก็คือ ยาลดน้ำหนักชนิดใหม่เหล่านี้ (ซึ่งรู้จักกันในชื่อกลูคากอน-ไลค์ เปปไทด์-1 หรือ GLP-1) อาจเป็นยาตัวใหม่ที่สำคัญไปอีกเป็นระยะเวลานานในอนาคต

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า นักลงทุนอาจจะประเมินต่ำไปว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่ายาเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในวงกว้าง และจะใช้เวลานานเท่าใดจึงจะส่งผลกระทบต่อความต้องการการรักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วนที่มีอยู่ สิ่งนี้ได้สร้างโอกาสที่น่าสนใจในด้านต่างๆ

ส่วนนวัตกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจและอาจจะส่งผลบวกเพิ่มขึ้น เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์รักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และยังพบโอกาสที่เป็นไปได้ในบริษัทที่สนับสนุนตลาดยารักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วน รวมถึงบริษัทเครื่องมือและบริการด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ เช่น Thermo Fisher Scientific ( ทีเอ็มโอ) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของยาเหล่านี้

อีกประการหนึ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนแปลงของระบบการประกันสุขภาพ ในสหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งจากรูปแบบการคิดค่าบริการแบบดั้งเดิม (ผู้ให้บริการจะได้รับค่าตอบแทนตามปริมาณการมาเยี่ยมและบริการที่พวกเขาให้) ไปสู่รูปแบบตามมูลค่า (แพทย์จะได้รับค่าตอบแทนตามผลลัพธ์ของผู้ป่วยมากกว่าปริมาณการบริการ) 

ในขณะที่หุ้นของบริษัทบริหารจัดการดูแลถูกกดดันในปีที่ผ่านมาจากปัญหาระยะสั้น แต่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงระยะยาวแก่บริษัทประกันสุขภาพที่มีการจัดการที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และมีพอร์ตโฟลิโอจำนวนมากที่ถือครองอยู่ตลอดเวลา

คอลัมน์: Investment-Focus by KTAM

โดย: ชัชพล สีวลีพันธ์
        ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บลจ. กรุงไทย