ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นบริหารองค์ความรู้และพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มทักษะบุคลากร ยกระดับธุรกิจที่ยั่งยืน เพื่อให้เกิดรายได้และรักษาความเป็นเลิศ ความสัมพันธ์และความไว้วางใจของคู่ค้า
ทั้งนี้บริษัทมีแผนการดำเนินงาน ประกอบด้วย การพัฒนาบุคลากรผ่านสถาบันการอบรบ PPS Academy เน้นการสร้างรายได้เพิ่ม สร้างคน เพิ่มทักษะรับงานที่หลากหลาย เพื่อลดต้นทุนการจ้างงาน ลดการเสียเวลาและโอกาสในการได้บุคลากรที่มีศักยภาพเหมาะสมกับความต้องการของบริษัท
อีกทั้งบริษัทนำนวัตกรรมการก่อสร้างและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ช่วยในการบริหารจัดการงานก่อสร้าง ทั้ง Software Kanna ที่ช่วยในการจัดการเอกสาร จัดการงาน ติดตามความคืบหน้า รายงานและสื่อสารภายในทีม ทำให้บริษัทบริหารทรัพยากรบุคคลและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึง HoloBuilder แพลตฟอร์มการก่อสร้างแบบครบวงจรที่ใช้ภาพถ่าย 360 องศา และเทคโนโลยีการจับภาพความเป็นจริง เพื่อช่วยให้ทีมงานก่อสร้างสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้บริษัทสามารถดูแลลูกค้าได้มากขึ้น ลดจำนวนพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย และสามารถสร้างรายได้ประจำให้แก่บริษัทได้
นอกจากนี้ PPS มีเป้าหมายระยะยาวที่จะสร้าง Carbon Neutral องค์กรภายในปี 2030 สามารถเป็นองค์กรที่ตรวจวัดและประเมิน Carbon Credit Equivalent และได้รับการรับรองจากองค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก คาดว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทวนสอบ จากองค์การบริหารก็าซเรือนกระจกภายในไตรมาส 1/2567 นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่มองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลดคาร์บอน โดย PPS มีความพร้อมในการเป็นที่ปรึกษา จากประสบการณ์ที่บริษัทมีการบันทึกคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2561 และรับรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาในไตรมาสแรกนี้ บริษัทยื่นเสนองานใหม่รวม 27 โครงการ ส่วนที่เซ็นสัญญาแล้วมูลค่ารวมกว่า 67.25 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทราบผลประมูลภายในไตรมาสนี้ โดยบริษัทประเมินว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 348.74 ล้านบาท ส่งผลให้รับรู้รายได้จากการบริหารโครงการต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% รายได้แตะ 500 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในปีนี้
ด้านโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรีวิลล่าในที่ดินแหลมยามู จ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) หลังร่วมมือกับพันธมิตร Fendi แบรนด์ชั้นนำระดับโลก เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น Fendi Private Estates Phuket นับเป็น Fendi Private Estates แห่งที่ 2 ต่อจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง Fendi จะเข้ามาเสริมความโดดเด่นให้โครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างภาพลักษณ์ของวิลล่า ตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับบน โดยจ.ภูเก็ต ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายของชาวต่างชาติที่ย้ายมาพำนักอาศัยจากภาวะสงคราม อีกทั้งภาพรวมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดี
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม