เราได้เห็นรูปแบบการขับเคลื่อนของตลาดหุ้นไทยในแบบทรงๆ ไม่ค่อยจะไปไหนแกว่งตัวขึ้นๆลงๆอยู่ในกรอบ วนเวียนมาพักใหญ่แล้ว ซึ่งสภาพอย่างที่เห็นอยู่ในเวลานี้ เหมาะสมกับนักลงทุนอย่างแท้จริง ส่วนนักลงทุนที่ชอบเก็งกำไรคงต้องถอยออกมาก่อน ด้วยภาวะตลาดที่ไร้แรงผลักดัน การเล่นเก็งกำไรอย่างไรก็เหนื่อยครับ ส่วนนักลงทุนที่มีเงินเย็น เงินเก็บที่ยังไม่รีบร้อนต้องใช้อะไร ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี หากคิดหวังผลตอบแทนคืนกลับที่ดีในอนาคต ก็ลองเลือกเฟ้นหาหุ้นที่ดี พร้อมที่จะถือรอคอยทำกำไรงามในอนาคตกันครับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนควรจะกระทำก็คือการเตรียมความพร้อมประคองตัว ถือเงินสด เพื่อรอคอยจังหวะที่ดีแล้วกลับสู่สนามหุ้นในยามที่ตลาดกลับมาคึกคัก เวลาที่ตลาดหุ้นตกอยู่ในภาวะที่ตกต่ำเป็นขาลง ทั้งราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขายที่ลดลง จะถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีเงินสดพร้อม เพราะจะสามารถรอคอยทยอยเก็บสะสมหุ้นที่ดี พื้นฐานแกร่ง แต่ราคาถูก เข้าพอร์ตเพื่อหวังผลทำกำไรที่ดีต่อไป

สำหรับนักลงทุนที่แท้จริงแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของการเลือกเฟ้นค้นหาซื้อหุ้นดี ๆ ราคาต่ำๆ อนาคตโตแบบก้าวกระโดดได้ยามที่ตลาดเปลี่ยนแนวโน้มมีทิศทางเป็นขาขึ้นและกลับมามีความคึกคัก ก็มีโอกาสที่จะตักตวงแสวงหาทำกำไรอย่างงดงามได้ ซึ่งวันนี้นักวิเคราะห์จากหลาย ๆ สำนัก ที่มีบทวิเคราะห์โชว์ออกมาให้ได้อ่านกัน ด้วยการแนะนำหุ้นพื้นฐานที่ดีให้เลือกเฟ้นหาซื้อเข้าพอร์ต บ้างก็เชียร์หุ้นกลุ่มแบงก์ หุ้นพลังงาน หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นกลุ่มสื่อสาร เป็นต้น เพราะหุ้นแต่ละกลุ่มที่ว่า มีหุ้นในกลุ่มหลายตัว ที่มีราคาที่ต่ำ มีค่าพีอีที่ต่ำ แถมมีปันผลที่ดีคืนกลับให้ด้วยและอนาคตยังมีความสามารถที่จะทำกำไรที่ดีที่สวยงามได้ต่อเนื่อง

วันนี้ขอยกตัวอย่างหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินที่ราคาได้อ่อนตัวลงมาเยอะ ยิ่งเมื่อเทียบกับพื้นฐานที่แข็งแกร่งของหุ้น จากความกังวลที่หวั่นเกรงกันก็เรื่องของการปล่อยสินเชื่อที่จะขยายตัวลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะเพิ่มขึ้น แต่นักวิเคราะห์ต่างก็มองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงรับกับปัจจัยดังกล่าวมามากแล้ว ทั้งความสามารถในอนาคตของแบงก์เองก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างผลดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องได้ จากการที่แบงก์ของเราในวันนี้นั้นมีการบริหารงานที่มีความเป็นมืออาชีพ ประกอบกับกฏระเบียบต่างๆที่มีออกมาเพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงในการดำเนินงานของแบงก์และมีมาตรฐานมากกว่าในอดีตอย่างมาก สำหรับเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทางแบงก์เองก็ได้มีการตั้งสำรองไว้ในระดับที่ไม่น่าจะสร้างผลกระทบต่อการดำเนินงานของแบงก์มากนักอย่างที่เป็นกังวลกัน

จะว่าไปแล้วหุ้นแบงก์ ที่เวลานี้ราคาได้อ่อนตัวลงมาเยอะมาก จากการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ที่ให้ราคาเป้าหมายของหุ้นกลุ่มแบงก์ ที่มีการปรับประมาณการณ์กันใหม่แล้วก็ยังสูงกว่า ราคาหุ้นในปัจจุบัน ที่ยังมีส่วนต่างอยู่ สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์ที่น่าสนใจอยู่ตัวนึงก็ KTB หรือธนาคารกรุงไทย ถือว่าเป็นแบงก์รัฐขนาดใหญ่ ที่ถูกแรงเทขายกดทุบหุ้นจากกองทุนจนราคาไหลรูดลงไปทำจุดต่ำสุดของรอบปีแถวๆราคา 15.80 บาท

วันนี้ราคาหุ้น KTB อยู่แถว 16-16.50 บาทนิด ๆ พีอี 8 เท่า P/BV 0.67 เท่า ปันผล 4% จึงมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะอย่างไรก็ตามเชื่อว่า กองทุนที่เคยเทขายหุ้น KTB ออกมาในสุดท้ายก็คงต้องกลับมาซื้อคืนอย่างแน่นอน และหุ้น KTB ตัวนี้เชื่อว่าจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายภาครัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งโครงการเมกกะโปรเจกต่าง ๆ ที่รัฐบาลสนับสนุนเพื่อการพัฒนาประเทศให้เติบโต จากงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภาออกมาใช้หลังจากล่าช้ามาพอสมควร ผลประโยชน์ในเรื่องงบประมาณต่างๆจึงน่าตกอยู่กับตัวของ KTB เพราะเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากโครงการต่างๆของรัฐจำเป็นต้องผ่าน KTB ซึ่งเป็นแบงก์ของรัฐ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนอย่างแท้จริงได้เลือกลงทุนในหุ้นตัวนี้

สุดท้ายก็อย่าพึ่งเบื่อหน่ายกับภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้กันนะครับ เพราะตลาดหุ้น ในช่วงนี้เป็นเวลาที่นักลงทุนเองนั้นควรต้องค้นหาเลือกหุ้นเป้าหมาย ไตร่ตรอง และพิจารณา เพื่อการลงทุนที่ดี หากเราค้นหาหุ้นเป้าหมายที่ดีพร้อมเพื่อการลงทุนได้แล้ว โอกาสที่จะก้าวสู่ความสำเร็จต่อการลงทุนก็ย่อมเกิดขึ้นได้ อย่าได้ไปหวั่นไหว วิตก กับภาวะตลาดในยามที่ตกต่ำเป็นขาลง แต่จงมีสติ สมาธิ คิดเลือกเฟ้นหาหุ้นเป้าหมายเพื่ออนาคตที่ดีต่อการลงทุนของเราเอง โชคดีครับ