สำนักข่าว"ทันหุ้น"รายงานว่า บอร์ด SKE ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 ที่ 0.025 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายในวันที่ 7 พ.ค.63 ขณะที่ไตรมาส 4/62 กลับมาทำกำไร หลังจากบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิงได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ  SKE  เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.025 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 23,250,000 บาท คิดเป็น 46.18% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทจ่ายจากกำไรสุทธิ ทั้งนี้บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่มีรายชื่อ

ปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Data) ในวันที่ 16 มีนาคม 2563 โดยกำหนดจ่ายเป็นเงินปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 โดยสิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563

สำหรับผลผลประกอบการทั้งปี 2562 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยบริษัทมีรายได้รวม 394.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.75 ล้านบาท คิดเป็น 21.13% เมื่อเทียบกับปี 2561 มีรายได้ 325.35 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดขายของ 2 ธุรกิจใหม่ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด เริ่มดำเนินธุรกิจช่วงต้นปี 2562 และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2562 ในปี 2562 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 110.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.03 ล้านบาท คิดเป็น 0.03% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30.83% และ 37.07% ตามลำดับ สาเหตุหลักที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเกิดจาก ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิงสูงขึ้นเป็นผลมาจากหลายปัจจัย 

โดยในระยะแรกของการเดินเครื่องจักรนั้นเป็นช่วงการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องจักร เพื่อให้มีศักยภาพสูงสุดในการผลิต และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิงเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงฤดูฝนซึ่งมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง ทำให้วัตถุดิบมีความชื้นมากกว่าฤดูอื่นๆ จึงต้องใช้วัตถุดิบในสัดส่วนที่สูงเพื่อให้ได้ค่าความร้อนในการเผาไหม้ที่เป็นมาตรฐานสำหรับการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า และในบางช่วงของการผลิตยังเกิดความขัดข้องในระบบสายส่งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำให้ไม่สามารถส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบสายส่งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ 

ทั้งนี้ในไตรมาส 4 บริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ในส่วนของกำไรสุทธิปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 25.11 ล้านบาท ลดลง 32.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561 มีกำไรสุทธิ 57.29 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากค่าเสื่อมราคาของอาคาร เครื่องจักร และอุปกรณ์ ของโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิงที่เพิ่งเริ่มเปิดดำเนินการ และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินที่เกิดจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินและบุคคลภายนอกเพื่อโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิงและเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ทั้งนี้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ในปี 2562 อยู่ที่ 82.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.97% จากปีก่อน