> mai > AMA

21 พฤษภาคม 2020 เวลา 09:00 น.

AMAไฮซีซั่นดันครึ่งหลังยอดพุ่ง เส้นทางเดินเรือกลับสู่ภาวะปกติ

ทันหุ้น –สู้โควิด - AMA จับตาธุรกิจเดินเรือไตรมาส 2/63 เข้าสู่ภาวะปกติ คาดครึ่งหลังโดดเด่น ไฮซีซั่นขนส่งหนุนยอด ดันปริมาณขนส่งทางเรือแตะ 1.42 ล้านตัน จากกำลังน้ำหนักบรรทุกทั้งสิ้น 9.2 เดทเวทตัน ส่วนปริมาณขนส่งทางรถคาดแตะ 2.1 พันล้านลิตร โชว์รายได้ไตรมาส 1/63 โต 7.11%


นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มธุรกิจและผลประกอบการไตรมาส 2/2563 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เพราะจำนวนเที่ยววิ่งส่งสินค้าทางน้ำ หรือการขนส่งโดยเรือไปประเทศจีน และออกจากจีนไปประเทศอื่นเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่การขนส่งสินค้าทางบก หรือการขนส่งโดยรถบรรทุก บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มรถ โดยไตรมาส 1/2563เพิ่มจำนวนรถไปแล้ว 25 คัน จากแผนเดิมจะเพิ่ม 60 คันในปี 2563


ดันปริมาณขนส่งโต


สำหรับทิศทางปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งทางน้ำและทางบกในไตรมาส 2/2563 คาดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากไตรมาส 1/2563 มีปริมาณการขนส่งอยู่ที่ราว 2 แสนตัน โดยเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ปริมาณการขนส่งยังเป็นไปตามแผน ทั้งนี้ปริมาณการขนส่งปกติอยู่ที่ระดับ 2.6-2.7 แสนตัน ซึ่งการขนส่งเดือนเมษายนอาจปรับตัวลดลง เป็นไปตามฤดูกาล แต่คาดว่าการขนส่งเดือนมิถุนายนจะขนส่งได้ครบ 100%

ขณะที่บริษัทประเมินปริมาณการขนส่งทางเรือปี 2563 จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.35 ล้านตัน อยู่ที่ 1.42 ล้านตัน จากเรือทั้งหมด 10 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวม 9.2 หมื่นเดทเวทตัน ขณะที่ปริมาณการขนส่งทางรถคาดจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.65 พันล้านลิตร เป็น 2.1 พันล้านลิตร


พร้อมกันนี้บริษัทคาดทิศทางธุรกิจและตัวเลขผลประกอบการจะดีขึ้นต่อจากจากไตรมาส 2 ไปจนถึงไตรมาส 3 และ 4 โดยจะเห็นการเติบโตชัดเจนในช่วงดังกล่าวหรือในครึ่งปีหลัง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขนส่งสินค้า ประกอบกับในปีนี้มีจำนวนเรือขึ้นอู่ลำเล็ก เพียง 3 ลำ จากปีก่อนมีจำนวนเรือขึ้นอู่ ซึ่งเป็นเรือใหญ่จำนวน 5 ลำ ดังนั้นประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าในปีนี้มีสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ดีบริษัทประเมินทิศทางการเติบโตของรายได้ปี 2563 ค่อนข้างยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยกดดัน แต่บริษัทจะพยายามผลักดันปริมาณการขนส่งให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน


พยายามรักษามาร์จิ้น

ขณะเดียวกันบริษัทพยายามรักษาฐานมาร์จิ้นให้อยู่ในระดับปกติ แต่ต้องจับตาดูปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ค่าบรรทุกสินค้า และราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการดำเนินงานของบริษัทอีกด้วย อนึ่งปี 2562 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 180.52 ล้านบาท


สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2563 บริษัทมีรายได้จากการขนส่งเพิ่มขึ้นเป็น 456.98 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 426.66 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 7.11% ขณะเดียวกันบริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 5.03 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 12.46 ล้านบาท ลดลง 59.63% และมีอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin) อยู่ที่ 1.10% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 2.92%


โดยอัตรากำไรสุทธิลดลงเกิดจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ลดลง ประกอบกับการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่องเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 โดยบริษัทต้องวัดมูลค่ายุติธรรมตามมูลค่าตลาด (Mark to market) ของเครื่องมือทางการเงินที่บริษัทได้ทำไว้ ซึ่งก่อให้เกิดผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินจำนวน 8.46 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ (เรือจ้าวอโนมา) จำนวน 4.43 ล้านบาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X