> SET > SYNEX

21 สิงหาคม 2020 เวลา 11:02 น.

SYNEX เป้าใหม่ 16.50 บาท ยอดขายสินค้า IT เติบโตต่อเนื่องจากการเข้าสู่ยุค 5G

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบถึง บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ว่า มีมุมมองบวก จากแนวโน้มรายได้ 2H20E ที่จะขยายตัวต่อเนื่อง และไม่ได้เป็น pent-up demand รวมทั้งแนวโน้ม GPM จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยมีประเด็นสำคัญ คือ


1) คาด revenue growth ปี 2020 ที่ low single digit และ GPM ไม่ต่ำกว่า 4% ทั้งนี้คาดว่า GPM ในระยะยาวจะเพิ่มขึ้นเป็น 5% จากสัดส่วนรายได้ Commercial ที่มี margin สูงเพิ่มขึ้น

2) รายได้ 2H20E จะยังขยายตัว YoY, HoH หนุนโดยความต้องการสินค้า IT และ Work from home ที่ยังสูง ทำให้สินค้าขาดตลาด, การเข้ามาของ 5G, สินค้า Gaming และได้รับความไว้วางใจจาก Vendor ให้เป็น Online official store เพิ่มขึ้น

3) โอกาสในการขยายยอดขายสินค้า Gaming ยังสูง โดยประเมินว่าจะตลาด Gaming ทั่วโลกจะขยายตัว 2019-2024 CAGR +6% และส่วนใหญ่สินค้า Gaming จะอยู่ในตลาด Asia Pacific มากกว่า 37%


ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E/2021E เพิ่มขึ้นปีละ +12%อยู่ที่ 594 ล้านบาท (+13%) และ 709 ล้านบาท (+19%) โดยเป็นผลของ

1) ปรับอัตราการขยายตัวของรายได้ขึ้นเป็น +3.4%/+10.3% จากเดิม +2.9%/+4.9% จากความต้องการสินค้า IT ที่สูง เพื่อหนุนการใช้งาน Work from home และ 5G รวมถึง IoT ที่รองรับการใช้งานด้านต่างๆ เช่น Smart home นอกจากนี้เราประเมินว่าบริษัทจะมีรายได้ทางช่องทางออนไลน์ที่สูงขึ้นภายหลังการให้บริการเป็น online official store ในหลายๆแบรนด์เพิ่มขึ้น รวมทั้งรับรู้รายได้จากการให้บริการที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว จากการที่บริษัทมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการ Cloud server ที่หลากหลาย

2) ปรับลดต้นทุนทางการเงินลงเป็น 1.0% จากเดิม 1.5%ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง 75 bps YTD โดย ณ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นมากกว่า 98%ซึ่งเราคาดว่าจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในตลาด


เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 16.50 บาท จากเดิม 15.00 บาท โดยยังคงอิง 2021E PER 20x (+0.5SD above 5-yr average PER) เดิม จากการปรับประมาณการกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น โดยเราประเมินว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจะกลับมาเป็นวัฏจักรขาขึ้นอีกครั้งเหมือนปี 2017 (ช่วงที่เริ่มเป็น Exclusive dealer ให้ Huawei ที่มีความต้องการสินค้าที่สูง) หนุนโดยผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปี 2020E ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากยอดขาย Huawei ที่หายไปเต็มปี ทำให้บริษัทได้ปรับเปลี่ยน และเพิ่มสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งด้านประเภท และราคามากขึ้น ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งการเข้าสู่ยุค 5G ในไทยที่ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 5G และ IoT เพิ่มขึ้น


นอกจากนี้เราประเมินว่าบริษัทมีรายได้ที่ Diversify สำหรับสินค้าในแบรนด์ประเทศสหรัฐ และจีน ซึ่งเราเชื่อว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัย ในกรณีที่สหรัฐ และจีนมีการตอบโต้สงครามการค้าเพิ่มขึ้นในอนาคต เช่น การแบน Wechat ทั้งนี้เราประเมินผลการดำเนินงานในระยะยาวจะขยายตัวคิดเป็น 2020E-2022E EPS CAGR +14%


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X