ทันหุ้น –BAM ลุ้นบุ๊ก DTA เข้าไตรมาส 4/2563 เล็งพิจารณาดึงร่วมปันผลปี 2563 มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง ยันปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เผยยังมีวงเงินในการออกหุ้นกู้อีก 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โต 5% เตรียมงบซื้อหนี้ 1.5หมื่นล้านบาท มองหนี้เสียในระบบกว่า 1.8 ล้านล้านบาท เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหนี้มาบริหารเพิ่ม

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิต่อปี พร้อมคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2563 จะดีกว่าไตรมาส 3/2563 เนื่องจากกลไกขับเคลื่อนรายได้ของบริษัทกลับสู่ภาวะปกติทั้ง 1.การเรียกเก็บเงินจากลูกค้าโดยตรง, 2.การประมูลทรัพย์ผ่านกรมบังคับคดี, และ3.การเปิดประมูลทรัพย์ อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างปิดการขายทรัพย์แปลงใหญ่ภายในเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามากกว่าที่ประมาณการไว้

สำหรับการบันทึกรายการภาษีสินทรัพย์ล่วงหน้า (Deferred tax asset หรือ DTA) ที่กรมสรรพากรได้เห็นชอบแล้วประมาณ 4 พันล้านบาท กลับเข้ามาเป็นกำไรส่วนทุนของบริษัทภายในปี 2563 ทั้งก้อน จากเดิมที่เตรียมจะพิจารณาทยอยบันทึกเป็นกำไรของบริษัทปีละประมาณ 2 พันล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากผู้ตรวจสอบบัญชี เบื้องต้นหากสามารถบันทึกกลับมาได้ภายในไตรมาส 4/2563 บริษัทจะเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ภายในไตรมาส 1/2564 เพื่อดึงมาพิจารณาประกอบการจ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2563

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมทั้งปี 2564 เพิ่มขึ้น 5% จากการขายทรัพย์ทั้ง NPA และ NPL ผ่านทุกช่องทาง โดยเฉพาะการขายทรัพย์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทจะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้บริษัทตั้งงบประมาณสำหรับซื้อทรัพย์ทั้งปี 2564กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

*โอกาสซื้อหนี้เพิ่ม

นายบรรยง ระบุ ณ ปัจจุบันมีสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินทั้งระบบประมาณ 16.5 ล้านล้านบาท เป็นกลุ่มที่เข้าพักชำระหนี้ประมาณ 6.7ล้านล้านบาท บริษัทคาดว่าจะมีกลุ่มที่พักชำระหนี้ราว 20%หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 1.34 ล้านล้านบาท ที่ไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ปกติ และเมื่อรวมกับหนี้เสียที่อยู่ในระบบประมาณ 5.09 แสนล้านบาท ทำให้ในปี 2564หนี้เสียในระบบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านล้านบาท จึงเป็นโอกาสของบริษัทในการเข้าซื้อหนี้มาบริหารได้เพิ่มขึ้น

ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมความพร้อมด้านสภาพคล่องไว้รองรับโดยยังมีวงเงินเพื่อเสนอขายหุ้นกู้อีก 1.5 หมื่นล้านบาท จากการที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาทวงเงินไม่เกิน 25,000 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563ที่ผ่านมา

*สร้าง New Business

สำหรับการหาโอกาสทางธุรกิจนั้นได้บรรจุไว้ในกลยุทธ์การดำเนินงาน 5 ปี (2564-2568) โดยจะนำทรัพย์ที่มีอยู่มาต่อยอดสร้าง New Business เพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring income) และกระจายความเสี่ยง เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์มีการแข่งขันที่สูง

“แม้ว่าบริษัทจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 50% แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้บริษัทต้องมองหาธุรกิจใหม่ๆ โดยจะนำทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งที่ดิน และโครงการแนวราบ มาต่อยอดเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนมากเพราะการจะก้าวแต่ละก้าวต้องพิตารณาให้รอบคอบ” นายบรรยง กล่าว

เบื้องต้นจึงอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความชำนาญในอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน อาทิ โรงพยาบาย, นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย, ผู้บริหารมาร์เก็ต มอลล์, หน่วยงานราชการ-รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ หาแนวทางบริหารจัดการทรัพย์ในมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเวลาที่เหมาะสม