ทันหุ้น –NYT เผยรัฐผลักดันใช้ EV หนุนปริมาณผ่านท่าเทียบเรือพุ่ง แย้ม 2 เดือนแรกปริมาณรถผ่านท่าเทียบเรือเกือบเท่าระดับปกติ ทั้งปีคาดโต 5-10% สอดคล้องอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว มองโอกาสขยายคลังสินค้าเพิ่ม ฟากโบรกประเมินปีนี้ผลงานเติบโตดี การส่งออกรถยนต์ฟื้นแข็งแกร่ง มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น เคาะราคาเหมาสะสม 5.70 บาท

แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำหรับล่าสุดที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้วางเป้าหมายการส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อ บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT เพราะเป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของรายได้รวม เพราะจะทำให้เกิดการนำเข้าและส่งออกรถยนต์ EV เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงการเปลี่ยนผ่านจะเป็นช่วงสำคัญที่จะมีการนำเข้าจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ NYT จะมีรายได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่จำนวนรถยนต์ผ่านท่าเทียบเรือเพิ่มขึ้นเกินระดับเดือนละ 70,000 คัน ใกล้เคียงกับปกติที่เคยทำได้ที่ 90,000 คันต่อเดือน จากก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 20,000 คัน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หลังจากนั้นในช่วงเดือนพฤษภาคมก็ทยอยฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น เห็นได้จากยอดการส่งออกรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

*ปริมาณผ่านท่าเทียบเรือโต10%

โดยปีนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ตั้งเป้าประมาณการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.5 ล้านคัน โดยเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 750,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 750,000 คัน ทำให้โดยรวมแล้วปีนี้คาดว่าปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเทียบเรือจะเติบโตได้ 5-10% แต่ทั้งนี้ต้องติดตามประเทศคู่ค้าด้วย เช่นออสเตรเลียและเอเชียด้วย

พร้อมกันนี้บริษัทศึกษาขยายการลงทุนในธุรกิจให้บริหารคลังสินค้าเพิ่ม จากปัจจุบันพื้นที่ให้บริการทางด้านคลังสินค้าประมาณ 270,000 ตารางเมตร มีอัตราการใช้พื้นที่ให้บริการอยู่ที่เฉลี่ยราว 90% ของพื้นที่ให้บริการทั้งหมด หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% โดยบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รองรับการลงทุนได้

*ผลงานปี 64 เติบโตดี

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุถึง NYT ว่าแนวโน้มการเติบโตดีในปี 2564 หลังจากที่ท่าเรือ A5 ได้ต่อสัมปทานออกไปตามคาดจนถึงปี 256 และตั้งเป้าการเติบโต 17% จากปีก่อน สำหรับปี 2564 มีปัจจัยหนุนโดยการส่งออกรถยนต์ และรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้า รวมถึงท่าเรือ C0 ที่ดีขึ้น ได้ปรับลดรายได้จากการส่งออก แต่เพิ่มอัตรากำไร และ SG&A ทำให้ผลประกอบการในอนาคตลดลง

จากข้อมูลของ FTI มีมุมมองเชิงบวกต่อการส่งออกรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่กลับมาเพิ่มขึ้นกว่า 300% จากจุดต่ำสุดในเดือนเมษายนปีก่อน ด้านยอดขายรถยนต์ในออสเตรเลียเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน เป็นเดือนที่ 4 นับจากเดือนพฤศจิกายนโดยที่ Toyota มีการส่งออกมากขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับปี 2564 และคาดว่าผลประกอบการ ไตรมาส 1/2564 จะเติบโตดี เนื่องจากยอดการส่งออกรถยนต์ที่แข็งแกร่ง, การดำเนินงานของคลังสินค้าที่ดี และงานที่เหลือของท่าเรือ C0

*ชูพื้นฐาน 5.70 บาท

ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อมูลของ FTI ปรับจำนวนการส่งออกรถยนต์ลงเป็น 7.5 แสนคัน และ 8.5 แสนคัน สำหรับปี 2564 และ 2565 แต่ปรับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 48% จากเดิมที่ 45% เพื่อสะท้อนต้นทุนคงที่ที่ลดลง และปรับ SG&A เพิ่มขึ้นเป็น 13% จากเดิมที่ 10% ในปี 2564และ2565 เพื่อให้เป็นไปตามปี2563 และการดำเนินงานของท่าเรือ C0 ที่ดีขึ้นใน ไตรมาส1/2564 แต่ยังคงขาดทุน ทำให้โดยรวมแล้วปรับประมาณการลง 11% และ 19% ตามลำดับแนะนำให้ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 5.70 บาท

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1