UWC บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน)

Company Background

ปี 2510 จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเป็นผู้ผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงรายแรกของประเทศ และเป็นผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง ระดับแรงดัน 115 kV/ 230 kV/ 500 kV โครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย เสาโทรคมนาคม และให้บริการชุบโลหะด้วยสังกะสี

ปี 2555 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) เมื่อวันที่ 12ก.ค. 2555

ปี 2558 เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 525ล้านบาท เป็น 1,900 ล้านบาท

Key Development of Company

ปี 2558 ลงทุนในบริษัท พาราไดซ์ กรีนเอนเนอยี่ จำกัด (แปรรูปพืชพลังงาน ผลิตก๊าซชีวภาพ)

ลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล ยูดับบลิวซี โกเมน ไบโอแมส (จ.นครราชสีมา) ขนาด 9.9 เมกะวัตต์

ปี 2559 ลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล 2โครงการ (จ.บุรีรัมย์) ขนาด 17 เมกะวัตต์

ลงทุนในบริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) จำนวน 24.5% ของหุ้นทั้งหมด

ปี 2562 เริ่มศึกษาและพัฒนาโครงการเสาโทรคมนาคมให้เช่าในต่างประเทศ

ปี 2563 จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 แห่ง 26.9เมกะวัตต์

Business Plan

บริษัทจะมุ่งเน้นธุรกิจหลักด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและโทรคมนาคม ด้วยการใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการออกแบบและผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคมมากว่า 54 ปี โดยจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น เพื่อลดต้นทุนที่ไม่มีผลต่อคุณภาพของสินค้า และพัฒนาเครื่องจักรให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำของธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงรายแรกของประเทศ รวมถึงรองรับการเติบโตของธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคม ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

Investment Highlight

ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและสถานีไฟฟ้าย่อย บริษัทได้ลงทุนในการพัฒนาเครื่องจักรที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งพัฒนากระบวนการผลิตให้มีความรวดเร็วและลดอัตราการสูญเสียจากการผลิตได้ดียิ่งขึ้น

ธุรกิจเสาเทเลคอม บริษัทได้เริ่มศึกษาและพัฒนาโครงการเสาโทรคมนาคมในต่างประเทศ ในรูปแบบธุรกิจเสาโทรคมนาคมให้เช่า โดยได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นผู้ให้บริการเสาโทรคมนาคมกับหน่วยงานกำกับด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมคมในต่างประเทศแล้วในปี 2562ซึ่งคาดว่าจะเป็นโครงการที่จะสามารถสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทได้ในระยะยาว

Risk Factor

โครงการในประเทศ ความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ อาจเกิดจากการเปิดประมูลโครงการ หรือ การส่งมอบพื้นที่จากภาครัฐให้กับผู้รับเหมาติดตั้งล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้ ซึ่งในเรื่องดังกล่าว บริษัทจะได้มีการประสานงานและติดตามอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อสามารถนำข้อมูลมาปรับแผนการดำเนินงานให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

โครงการต่างประเทศ ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินของประเทศที่ไปลงทุน อย่างไรก็ดี บริษัทได้มีการวางแผนการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด รวมทั้งความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติซึ่งอาจมีผลกระทบกับระยะเวลาการดำเนินโครงการที่ล่าช้าออกไปบ้าง ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการก่อสร้างโครงการ บริษัทจะทำประกันภัยในการก่อสร้างและทำประกันในทรัพย์สินของโครงการนั้นๆ

UWCจัดทัพโครงสร้างธุรกิจ

ชูธงเทิร์นอะราวด์-ลุยต่างแดน

ทันหุ้น – UWC ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ขอโฟกัสธุรกิจเสา สายสื่อสาร บอสใหญ่ “ธีรชัย ลีนะบรรจง” พร้อมสยายปีกงานเทเลคอมฟิลิปปินส์ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนแตะ 50% ในปี2566 จากปี2564คาดอยู่ที่ระดับ 10% พร้อมเกาะติดบิ๊กโปรเจ็กต์ 5.7 พันล้านบาท ลั่นกำลังผลิตเหลือเฟือ

นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด(มหาชน) หรือ UWC เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจของ UWC ปี 2564 จะเปลี่ยนแปลงไปจาก 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะบริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ โดยตัดบริษัทย่อย หรือธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวล หรือโรงไฟฟ้าพืชพลังงาน รวมถึงบริษัทย่อยที่ไม่ส่งผลต่อการรับรู้รายได้ออกไป ทั้งนี้การปรับโครงสร้างจะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงินได้ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันบริษัทจะหันมาโฟกัสธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ UWC

รุกต่างแดน

อีกทั้งบริษัทจะขยายธุรกิจก่อสร้างและติดตั้งเสาเทเลคอมในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทเซ็นสัญญาและได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่ฟิลิปินส์เรียบร้อยแล้ว สำหรับธุรกิจเสาเทเลคอมที่ฟิลิปปินส์บริษัทจะเป็นผู้ให้บริการเสาโทรคมนาคมกับหน่วยงานกำกับด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม ระยะสัญญา 25 ปี บริษัทคาดธุรกิจเสาเทลเลคอมต่างประเทศเป็นโมเดลธุรกิจที่ช่วยผลักดันให้ UWC กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง และเชื่อว่าจะเป็นธุรกิจหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตของ UWC ในอนาคต

บริษัทคาดสัดส่วนรายได้จากเสาเทเลคอมปี 2564 จะมีสัดส่วนน้อยมาก หากประเมินจากช่วงเวลาก่อสร้างและการให้บริการ คาดจะเริ่มดำเนินการได้ไม่กี่เดือนของปี 2564 เบื้องต้นคาดสัดส่วนของเสาเทเลคอมที่ฟิลิปปินส์จะมีสัดส่วนในปีนี้ประมาณ 10% และปี 2565 คาดจะเพิ่มขึ้นไปถึง 30-40% ขณะที่ปี 2566 คาดสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 50% ของรายได้รวมทั้งหมดของ UWC

สำหรับทิศทางรายได้ปี 2564 บริษัทคาดอาจจะใกล้เคียงกับปี 2563 ที่ 473.77 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากการผลิต ติดตั้งเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในประเทศ 80-90% และรายได้จากการให้บริการเสาเทเลคอมที่ฟิลิปปินส์ 10% สำหรับงานปัจจุบันบริษัทยังมีงานสถานีไฟฟ้าสถานีย่อยที่เตรียมส่งมอบงานอีกประมาณ 100 ล้านบาท

ส่วนงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ถูกเลื่อนงานประมูลออกไป เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศยังไม่คลี่คลาย พร้อมกันนี้บริษัทคาดแนวโน้มผลประกอบการมีโอกาสจะเทิร์นอะราวด์ หลังปรับโครงสร้างทางธุรกิจ

เกาะงานใหญ่

อย่างไรก็ดีบริษัทมองทิศทางธุรกิจของ UWC สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับหน่วยงานการไฟฟ้ามีแผนการขยายฐานเสาไฟฟ้าทุกปี ทำให้มีดีมานด์หรือความต้องการใช้เสาไฟฟ้าแรงสูงต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างติดตามงานประมูลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ที่ถูกเลื่อนมาจากปลายปีก่อน มูลค่า 5.7 พันล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทมีความพร้อมจะรับงานโครงการใหญ่ เข้ามาเติมเต็มงานที่มี ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ราว 800-1,000 ตันต่อเดือน และยังมีกำลังผลิตเพียงพอหากได้โครงการขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มเติม อนึ่งผลดำเนินงาน 3 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้ที่ 42.83 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 18.04 ล้านบาท