> SET > SGC

17 พฤษภาคม 2023 เวลา 17:46 น.

SGC รูด 53%YTD คาด NPL แตะ 10% โบรกแนะ "ขาย"

#SGC #ทันหุ้น – บล.กสิกรไทย ลดเป้าผลงานปี 66 ของบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เป็นขาดทุนสุทธิ 682 ล้านบาท NPL พุ่งแตะ 10% แนะนำ “ขาย” ปรับลดราคาเหมาะสมหุ้น SGC จาก 4.10 บาทเหลือ 1.50 บาท ด้านราคาหุ้น SGC ลดลง 6 % ปิดที่ 2.20 บาท หลังเคยทำนิวโลว์รอบ 52 สัปดาห์ที่ 2.12 บาทเมื่อ 3 พ.ค.66 จากต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นลดลงไปแล้ว 53%


ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เมื่อวันที่ 17 พ.ค.66 ราคาปรับตัวลดลงมาปิดที่ 2.20 บาท ลดลง 0.14 บาท หรือ -5.98% มูลค่าซื้อขาย 38 ล้านบาท ระหว่างวันราคาอยู่ในกรอบ 2.20-2.32 บาท เทียบกับต้นปีที่ผ่านมาราคาหุ้นลดลงไปแล้ว 52.82% ราคาหุ้นย้อนหลังในช่วง 52 สัปดาห์ลดลงจากระดับ 5.50 บาท ลงไปต่ำสุดที่ 2.12 บาท เมื่อวันที่ 3 พ.ค.66


บล.กสิกรไทย ระบุว่า คงต้องใช้เวลาอยู่ในระยะฟื้นตัวสักพัก ปรับคำแนะนำสำหรับ SGC เป็น"ขาย" จาก "ถือ" และลดราคาเหมาะสมเป็น 1.50 บาท จาก 4.10 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไร และการลดตัวคูณมูลค่าหุ้น


ภายหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ SGC บล.กสิกรไทยมีมุมมองลบ จาก credit cost ที่จะยังคงอยู่ในระดับสูงตามคุณภาพสินทรัพย์ที่คาดว่าจะอ่อนแอในไตรมาส 2-3 / 2566  


เราลดประมาณการกำไรปี 2566เป็นผลขาดทุน และลดสมมติฐานกำไรปี 2567-68 ลง 80.0-84.0%เพื่อสะท้อนแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าคาด


ประเด็นเรื่องสินเชื่อภายใต้มาตรการความช่วยเหลือ ยังคงมีอยู่ในไตรมาส 2/2566 บล.กสิกรไทยระบุว่า กลับออกจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ SGC ด้วยมุมมองที่เป็นลบ ผู้บริหารระบุว่าสินเชื่อคงเหลือภายใต้มาตรการบรรเทาหนี้จากโควิด-19 จำนวน 10.58% ของสินเชื่อรวมไตรมาส 1/2566 มีโอกาสสูงที่จะถูกไหลลงมาเป็นหนี้เสีย (NPL) ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงที่เหลือของปี 2566 ซึ่งจะทำให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ของสินเชื่อในส่วนนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงของไตรมาส 1/2566 โดยผู้บริหารระบุว่า SGC ตั้งค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) สำหรับสินเชื่อภายใต้มาตรการบรรเทาหนี้เพียงแค่ 10% ของยอดสินเชื่อส่วนนี้ทั้งหมด


ผู้บริหารยังไม่สามารถให้แนวทางเกี่ยวกับทิศทางของ NPL ในปี 2566ได้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของคุณภาพสินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้ แต่ยืนยันว่า NPL ของสินเชื่อใหม่ที่เริ่มปล่อยตั้งแต่ปี 2566 ไม่น่าจะเกิน 5%


คุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อ C4C อ่อนแอลง แต่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม

ผู้บริหารระบุว่า NPL ของสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ (C4C) เพิ่มขึ้นจาก 0.5%ในไตรมาส 4/2565 เป็น 2.5%ในไตรมาส 1/2566 โดยมีสาเหตุเดียวกันกับสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กล่าวไปข้างต้น ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 1/2566 SGC มีสินเชื่อ C4C ภายใต้มาตรการบรรเทาหนี้ 2.5% ในไตรมาส 1/2566โดยมีสาเหตุเดียวกันกับสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กล่าวไปข้างต้น


ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 1/2566 SGC มีสินเชื่อ C4C ภายใต้มาตรการบรรเทาหนี้รวม 500 ล้านบาท (คิดเป็น 5% ของสินเชื่อ C4C ทั้งหมด) ซึ่งจะทยอยสิ้นสุดระยะเวลาให้ความช่วยเหลือภายในปี 2566อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยังคงมั่นใจว่าคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อ C4C จะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมเนื่องจากนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นที่ใช้กับสินเชื่อใหม่ และความสามารถในการชำระนี้ของลูกค้าน่าจะยังมีอยู่เพราะธุรกิจยังดำเนินต่อเนื่อง


คาดผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรในครึ่งหลังของปี 2566

ผู้บริหารระบุว่าผลกระทบอย่างมากต่อกำไรจาก credit cost ที่สูงจะเห็นได้เฉพาะในไตรมาส 2/2566และคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในครึ่งหลังของปี 2566ซึ่งส่งผลให้ผู้บริหารคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง จากเป้าหมายการลดต้นทุนที่ 20% ตามแผนการลดพนักงาน การรวมศูนย์การอนุมัติสินเชื่อไว้ที่สำนักงานใหญ่เพียงแห่งเดียว และการประสานนโยบายการติดตามหนี้กับ JMT

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-68

บล.กสิกรไทยปรับลดประมาณการกำไรปี 2566เป็นผลขาดทุนสุทธิที่ 682 ล้านบาท จากกำไรที่ 782 ล้านบาท และลดประมาณการกำไรปี 2567-68 ของ SGC ลง 80.0-84.0%เพื่อรวม 1) การเติบโตของสินเชื่อปี 2566-67ที่ลดลง 6.5% และ 2.0%เนื่องจากเชื่อว่าผู้บริหารจะให้ความสำคัญต่อการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าการสร้างการเติบโตของสินเชื่อเชิงรุก 2) ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลง 1.0-1.9ppt จากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมผลิตภัณฑ์ไปสู่สินเชื่อ C4C และ 3) credit cost ปี 2566-68ที่สูงขึ้น 989/297/249bps เพื่อสะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลงของทุกกลุ่ม ขณะที่เราเพิ่มสมมติฐาน NPL ปี 2566-68เป็น 10.0%/7.5%/7.0% จาก 5.2%/5.0% /5.0%


เราลดคำแนะนำสำหรับ SGC เป็น "ขาย"จาก "ถือ" ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 1.50บาท จากเดิม 4.10 บาทเพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไร และการลดตัวคูณมูลค่าหุ้น แม้ว่าเราจะปรับปีฐานราคาเป้าหมายไปเป็นกลางปี 2567 จากสิ้นปี 2566 ก็ตาม เราลดเป้า PBV ลงเหลือ 1.15เท่า จาก 2.11 เท่า ด้วย ROE ที่ยั่งยืนลดลงเป็น 13.5% จาก 17.1%เราจะกลับมามีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นมากขึ้น เมื่อเราสังเกตุห็นสัญญาณการฟื้นตัวของคุณภาพสินทรัพย์


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X