วันจันทร์ ติดตามตัวเลข Service PMI ของสหรัฐคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 55.1 จากครั้งก่อนที่ 53.6 และของยุโรปคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 55.9 จากครั้งก่อนที่ 56.2 ส่วน S&P Global Composite PMI ของยุโรปคาดว่ายังขยายตัวที่ 53.3 จากครั้งก่อนที่ 54.1

วันอังคาร ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทย คาดว่าจะอยู่ที่ 2.70% จากครั้งก่อนที่ 2.67% การใช้จ่ายภาคครัวเรือของญี่ปุ่นคาดว่าจะเพิ่ม 1.5%เมื่อเทียบรายเดือน จากครั้งก่อนที่ -0.8% และยอดค้าปลีกของยุโรป

วันพุธ ติดตามตัวเลข การส่งออกของจีนคาดว่าจะอยู่ที่ 8.0% จากครั้งก่อนที่ 8.5% ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีจะอยู่ที่ -1.3% จากครั้งก่อนที่ -3.4%

วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของญี่ปุ่นครั้งสุดท้ายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากครั้งก่อนที่ 0.0% เมื่อเทียบรายไตรมาส และ GDP ของยุโรปครั้งสุดท้ายคาดว่าจะอยู่ที่ 0.1%

วันศุกร์ ติดตามตัวเลข เงินเฟ้อของจีนเดือน พ.ค. คาดว่าจะอยู่ที่ 0.4% เมื่อเทียบรายปี จากครั้งก่อนที่ 0.1% และดัชนีราคาผู้ผลิตจะลดลงที่ -3.2% จากครั้งก่อนที่ -3.6%

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย : KS เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,490 – 1,555 ตลาดรับรู้เรื่องข้อตกลงการขยายเพดานหนี้สหรัฐ ไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่หนุนตลาดจากประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย Patrick Harker กล่าวว่าน่าจะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรอดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อน ส่งผลให้ความคาดหมายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 0.25% ลดลงเหลือ 26% ขณะที่เงินเฟ้อในยุโรปลดลงเหลือ 6.1% จากเดือนก่อนที่ 7.0% เมื่อเทียบรายปี และ 0% เมื่อเทียบรายเดือน และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของ Caixin เพิ่มขึ้น 50.9 จากครั้งก่อนที่ 49.5 ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐปรับลดลงเหลือ 46.9 น้อยกว่าครั้งก่อนที่ 47.1 ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังคงเป็นเรื่องความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์การลงทุนควรหลบหุ้นขนาดใหญ่ มาลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต

ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 1,490 – 1,555 จุด จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ส่งสัญญาณหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยในประเทศยังกดดันจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 30 บาท) เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ของ TIDLOR  เนื่องจากผู้บริหารปรับลดเป้า NPL และ credit cost ในปี 2566 NPL และ credit cost จะผ่านจุดสูงสุดกลางปีนี้ TIDLOR จะเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ออกจากวัฏจักร NPL ในปี 2566 เราชอบกลยุทธ์การเติบโตของสินเชื่อที่ดีเช่นกัน

AAV (ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท) เราคาดว่ากำไรจะปรับขึ้นในไตรมาส 2/2566 จากราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลง เนื่องจากปัจจุบัน AAV ไม่มีสถานะป้องกันความเสี่ยง ค่าโดยสารเฉลี่ยที่สูงขึ้นซึ่งแสดงถึงการแข่งขันที่เริ่มผ่อนคลายในอุตสาหกรรมการบิน AAV มีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินเพื่อให้บริการจาก 45 ลำใน 1Q/23 เป็น 48/50/53 ลำใน 2Q-4Q/23 นอกจากนี้ประเมินนักท่องเที่ยวจีนจะทยอยมามากขึ้นจากการที่รัฐเร่งแก้ปัญหาการออกวีซ่ากรุ๊ปทัวร์ ราคาเป้าหมายของเราที่ 3.10 บาท อิงตาม PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 14.6 เท่า หรือประมาณ 2SD สูงกว่าค่าเฉลี่ย PER ล่วงหน้า 12 เดือนของตลาดสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำในช่วงปี 2557-62

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=