> SET > CHASE

08 มิถุนายน 2023 เวลา 09:34 น.

CHASEย้ำโค้ง2พ้นจุดต่ำ เจรจาสถาบันซื้อหนี้เพิ่ม

#CHASE #ทันหุ้น-CHASE มองผลงานไตรมาส 2/66 พ้นจุดต่ำ! หลังปัจจัยเสี่ยงคลายตัว เร่งซื้อมูลหนี้ใหม่เติมพอร์ต แย้มอยู่ระหว่างเจรจาสถาบันฯ 2 ดีล มูลหนี้กว่า 2.5 พันล้านบาท กำเงิน 720 ล้านบาท รองรับการลงทุนในช่วงที่เหลือปีนี้ IRR ไม่ต่ำกว่า 15-18% กางแผนขยายธุรกิจอยู่ระหว่างศึกษา M&A-JV ใหม่


นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2566 ได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 145.54 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 12.25 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงเริ่มคลายตัวลง และบริษัทยังคงเดินหน้าเร่งจัดซื้อหนี้ด้อยมูลค่าใหม่เข้ามาเติมพอร์ตอย่างต่อเนื่อง


รุกชิงหนี้ก้อนใหม่

โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 บริษัทได้ซื้อหนี้ด้อยมูลค่าจากทางสถาบันการเงิน (NPL) เข้ามากว่า 3,600 ล้านบาท ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 280 ล้านบาท จากเงินลงทุนทั้งหมดที่เตรียมไว้ในปี 2566 ที่ราว1,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับทาง 2 สถาบันการเงินรายใหญ่ในประเทศ ขนาดมูลหนี้รวมกันกว่า 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะมีการยื่นซองประมูลได้ภายในสัปดาห์นี้ทั้งหมด


ปัจจุบันบริษัทยังคงมีเงินลงทุนเหลือในมืออีกราว 720 ล้านบาท รองรับการลงทุน และการขยายพอร์ตเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี นี้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะประมูลได้มากบ้างไม่ได้มากบ้างบริษัทก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เพราะมองว่าในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้จะมีมูลหนี้ด้อยมูลค่าทยอยออกมาประมูลอีกจำนวนมาก และมองว่าอาจได้ราคาที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปีที่ผ่านมา โดยบริษัทวางเป้าหมายได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ต่อโครงการที่ได้มาจะไม่น้อยกว่า 15-18%


"ตามปกติของทุกปีมูลหนี้ด้อยมูลค่าจะออกมาปริมาณมาก และมีราคาที่ค่อนข้างดีกว่าในช่วงครึ่งแรกปี ทำให้คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถซื้อหนี้เข้ามาเติมพอร์ตได้มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยคาดว่ากลางปีนี้จะเริ่มเห็น TOR จากสถาบันการเงินทยอยออกมาต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทก็มีแผนที่จะเข้าร่วมเสนอราคาด้วยเช่นกัน โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะซื้อมูลหนี้ได้ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท"นายประชา กล่าว


เปิดดีลควบรวม

ส่วนธุรกิจให้บริการติดตามทวงถาม และเร่งรัดหนี้สิน (Collection) ในปี 2566 นี้ มองว่ามีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินมีการกันมูลหนี้บางส่วนไว้บริการจัดการเอง ทำให้ปริมาณงานที่จ้างปรับตัวลง แต่ด้วยหลายปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้การเร่งรัดติดตามหนี้ของสถาบันอาจไม่ได้เป็นผลบวกนัก ส่งผลให้มีการนำมูลหนี้ออกมาร่วมประมูล ซึ่งวัฏจักรกำลังกลับมาวนลูบเดิมอีกครั้ง เชื่อว่าสุดท้ายงาน Collection จะกลับมาถูกจ้างต่อ เมื่อราคาลงมาถึงจุดหนึ่ง


ในแง่ของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ในปี 2566 นั้น บริษัทมองว่าอัตราการจัดเก็บหนี้มีแนวโน้มที่สูงขึ้นแล้วจะกลับสู่ระดับปกติ สาเหตุหลักมาจากความล่าช้าในการจัดเก็บสำหรับพอร์ตสินทรัพย์หนี้ด้อยคุณภาพที่ซื้อมาเพิ่มเติมในปีก่อนหน้า และในไตรมาส 1/2566 ยังคงมีส่วนที่จัดเก็บล่าช้าอยู่บ้าง ประมาณ 10 ล้านบาท แต่เป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นมากแล้ว


พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและเปิดโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องและสามารถต่อยอดธุรกิจหลักได้ ตอนนี้มีดีลควบรวมกิจการ (M&A) ที่อยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษา มากกว่า 1 ดีล และยังมีดีลร่วมทุน (JV) ที่อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับทางสถาบันการเงินในประเทศอีกด้วย เพียงแต่การลงทุนอาจต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษา ดังนั้นจึงยังให้รายละเอียดที่ชัดเจนในตอนนี้ได้

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X