> SET > CHASE

14 กันยายน 2023 เวลา 18:33 น.

CHASE มูลหนี้ครึ่งหลังพีค อัด 500 ล. ซื้อNPLเติมพอร์ต

#CHASE #ทันหุ้น-CHASE มองครึ่งหลังปี 66 พีค เข้าไฮซีซันธุรกิจ สถาบันทยอยปล่อยมูลหนี้ในระบบออกมาจำนวนมาก เป็นโอกาสในการเก็บหนี้ใหม่เติมพอร์ต ฟุ้งยังมีเงินลงทุนเหลือในมืออีกกว่า 500 ล้านบาท พร้อมคาดสิ้นปี 66 พอร์ตคงค้างแตะระดับกว่า 4 หมื่นล้านบาทตามเป้า มองมาตรการลดระดับหนี้ครัวเรือนแบงก์ชาติไม่กระทบต่อธุรกิจ


นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 และ 4/2566 บริษัทยังคงมีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลหนี้ด้อยคุณภาพใหม่ๆ จากทั้งสถาบันการเงิน และที่นอกเหนือจากสถาบันการเงิน (Non-bank) ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มองว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเป็นไฮซีซันของธุรกิจ AMC ทำให้มีมูลหนี้ใหม่ๆ ออกมาอีกเป็นจำนวนมาก


*ไฮซีซัน

ซึ่งในปี 2566 นี้ พิเศษกว่าทุกปีเนื่องจากสถาบันมีการปล่อยมูลหนี้ออกมาสูงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ทั้งนี้ บริษัทยังมีเงินลงทุนในมือเหลืออีกกว่า 500 ล้านบาท ในการรองรับการซื้อหนี้ด้อยมูลค่าใหม่เข้ามาบริหารในพอร์ตเพิ่มเติม จากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ที่ใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้เติมพอร์ตไปแล้วเกือบ 500 ล้านบาท ส่งผลให้พอร์ตมูลหนี้คงค้างปัจจุบันเพิ่มเป็นกว่า 28,000 ล้านบาท และด้วยปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพที่เพิ่มสูงในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปี 2566 พอร์ตจะขึ้นไปแตะที่กว่า 40,000 ล้านบาทได้


อีกทั้ง ยังมองว่าหากในช่วงปลายปี 2566 ยังมีดีลที่น่าสนใจและเป็นโอกาสดีสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ AMC ของบริษัท ก็พร้อมที่จะใส่เงินลงทุนใหม่เพิ่มเติมเพื่อซื้อหนี้ใหม่เข้ามาบริหาร ทั้งนี้ อาจต้องมีการพิจารณาในหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องความเหมาะสมของราคา ช่วงเวลาในการเข้าซื้อ และอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ ว่าจะสามารถเข้ามาสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้มากน้อยแค่ไหนในอนาคต


นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจในการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตให้มีเสถียรภาพในอนาคต อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีดีลที่อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ในมือบ้างแล้ว ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ทั้งแบบควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) กับทางพันธมิตรที่มีศักยภาพ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเซ็นสัญญาจัดเก็บเป็นความลับไปแล้ว ในตอนนี้บริษัทยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน หากได้ความชัดเจนจะแจ้งให้ทราบในภายหลังอีกครั้ง


มาตรการแบ็งก์ชาติ

ส่วนธุรกิจให้บริการติดตามทวงถาม และเร่งรัดหนี้สิน (Collection) ในปี 2566 นี้ มองว่ามีแนวโน้มปีนี้คงไม่มีการเติบโตมากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินมีการกันมูลหนี้บางส่วนไว้บริการจัดการเอง ทำให้ปริมาณงานที่จ้างปรับตัวลง แต่ด้วยหลายปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้การเร่งรัดติดตามหนี้ของสถาบันอาจไม่ได้เป็นผลบวกนัก ส่งผลให้มีการนำมูลหนี้ออกมาร่วมประมูล ซึ่งวัฏจักรกำลังกลับมาวนลูบเดิมอีกครั้ง เชื่อว่าสุดท้ายงาน Collection จะกลับมาถูกจ้างต่อ เมื่อราคาลงมาถึงจุดหนึ่ง


แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายทีมงานที่มากขึ้นทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะขยายการรับงานไปยังกลุ่มนอกเหนือสถาบันการเงิน (Non-Bank) ได้เพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าจะได้เห็นการรับงานจากกลุ่ม Non-Bank ในปี 2567 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี บริษัทยังมั่นใจว่าการเติบโตของรายได้รวมในปี 2566 จะทำได้ดีแบบตัวเลข 2 หลัก จากปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 676.62 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกบริษํทมีรายได้รวมแล้วที่ระดับ 318.74 ล้านบาท


สำหรับมาตรการลดระดับภาวะหนี้ครัวเรือนที่ขยายตัวเพิ่มสูงที่ทางแบงก์ชาติมีการวางแนวทางมานั้น มองว่ายังคงต้องให้การจับตารอดูความชัดเจนของการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวว่าจะเป็นไปในทิศทางใด และบริษัทจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ในส่วนใดได้บ้าง มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X