#PQS #ทันหุ้น-PQS มองความต้องการแป้งมันสำปะหลังครึ่งหลังปี 66 ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาจำหน่ายแป้งมันคาดอยู่ในกรอบสูง 500-550 เหรียญต่อตัน หลังเอลนีโญกระทบผลผลิตมันฯ และราคารับซื้อผลผลิตมันสำปะหลังอยู่ที่เฉลี่ยราว 3.10 บาทต่อกิโลกรัม
นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังชั้นนำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งหลังปี 2566มองว่าความต้องการบริโภคแป้งมันสำปะหลังยังคงมีการขยายตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจีนที่เป็นประเทศส่งออกหลักของบริษัท
ดีมานด์พุ่ง
ปัจจุบันยังคงได้รับคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอยู่ตลอด ซึ่งจากการสอบถามลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาพบว่าสินค้าแป้งมันสำปะหลังคงคลังเหลือน้อยแล้ว สะท้อนต่อความต้องการที่ยังคงมีอยู่ต่อไป ในขณะที่ราคาขายแป้งมันสำปะหลังคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 จะยังคงทรงตัวในระดับที่สูงต่อไป ประเมินกรอบราคาไว้ที่ระดับ 500-550 เหรียญต่อตัน จากในช่วงกลางปีนี้ที่อยู่ในกรอบราคาช่วงระหว่าง 500-520 เหรียญต่อตัน
โดยปัจจัยการเพิ่มขึ้นของราคาขายเป็นผลมาจากที่นับตั้งแต่ต้นปี 2566จนถึงกลางปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เอลนีโญ ส่งผลให้การเพาะปลูกและผลผลิตมันสำปะหลังที่ออกมาสู่ตลาดมีปริมาณที่ลดลง ซึ่งจากการสำรวจของทางสมาคมผู้ประกอบการแป้งมันสำปะหลังทั้ง 4 หน่วยงาน พบว่าผลผลิตปรับตัวลดลงมามากกว่า 20-30%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
ทำให้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ด้วยการขยายพื้นที่การรับซื้อผลผลิตมันสำปะหลังออกไปยังจังหวัดใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับต่อความต้องการแป้งมันที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศจีน ขณะที่ราคารับซื้อผลผลิตมันสำปะหลังในช่วงครึ่งหลังปี 2566 คาดว่าจะอยู่ในกรอบเฉลี่ยประมาณ 2.90-3.10 บาทต่อกิโลกรัม เทียบกับช่วง 2ไตรมาสแรกของปีนี้ที่กรอบราคารับซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.10-3.50 บาทต่อกิโลกรัม
โค้ง3ยอดแจ่ม
ด้วยความต้องการที่ยังคงมีอยู่มากสวนทางกับซัพพรายที่ขาดแคลน ทำให้มองว่าราคาขายเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 3/2566 จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับที่สูงได้ต่อไป สะท้อนต่อแนวโน้มปริมาณการขายและรายได้ในช่วงดังกล่าวที่มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง สำหรับปริมาณการจำหน่ายในปี 2566 นี้ คาดว่าจะรักษาระดับอัตราการเติบโตได้ใกล้เคียงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัด
ในส่วนของแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังในจังหวัดใหม่เพิ่มเติมอีก จำนวน 1 แห่ง ที่มีขนาดกำลังการผลิต 120,000 ตันต่อปี เพื่อขยายกำลังการผลิตรวมให้เพิ่มเป็นมากกว่า 360,000 ตันต่อปี และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานเดิมจะทยอยแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2566 เป็นต้นไป คาดว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนปริมาณการจำหน่ายในปี 2567 ให้เติบโตขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกเป็นส่วนใหญ่กว่า 70% อีก 30% เป็นการจำหน่ายภายในประเทศ ทั้งนี้ ตลาดหลักถูกส่งออกไปยังประเทศจีน อาทิ มณฑลกวางตุ้น เซี่ยงไฮ้ และฉิงเต่า เป็นต้น คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90-95% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด จุดเด่นของบริษัท คือ การสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การผลิตแป้งมันสำปะหลังเกรดพรีเมียม รวมถึงบริษัทมีการขายแป้งมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตและจำหน่าย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง (Tapioca) เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหัวมันสำปะหลัง และ 2. การผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (Biogas) สำหรับสัดส่วนการผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 98-99% และ 1-2% ตามลำดับ
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม