> SET > AMANAH

09 สิงหาคม 2023 เวลา 18:18 น.

AMANAH กำไร 34 ล. -58% งวด 6 เดือน กำไร 77 ล. -50%

#AMANAH #ทันหุ้น - บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH แจ้งผลการดำเนินงวดไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิ 33.93 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.033 บาท ลดลง 58 % เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 80.80 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.078 บาท


สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน 2566 กำไรสุทธิ 77.23 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.075 บาท ลดลง 50 % เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 155.56 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.15  บาท

บริษัทชี้แจงว่า 1. ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทฯปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 512 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 3 ล้านบาท แต่เมื่อพิจารณายอดปล่อยสินเชื่อครึ่งปีแรกของปีนี้จะมีจำนวน 1,027 ล้านบาท มากกว่าครึ่งปีแรกของปีก่อนจำนวน 32 ล้านบาท (ครึ่งปีแรกของปี 2565 ปล่อยได้ 995 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 43 ของเป้าหมายสินเชื่อใหม่ในปี 2566 ที่กำหนดไว้เท่ากับ 2,400 ล้านบาท

จากกราฟแสดงการเปรียบเทียบสินเชื่อใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2564 - ไตรมาส 2 ปี 2566 ข้างต้น จะเห็นได้ว่าสินเชื่อใหม่เริ่มมีแนวโน้มเติบโตขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 4 ของปี 2564 อย่างชัดเจนซึ่งเป็นช่วงภายหลังจากการยกเลิกมาตรการควบคุมพื้นที่ (lockdown) และผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ทั้งนี้บริษัทฯสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่รายไตรมาสที่ระดับไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทได้ต่อเนื่องติดต่อกัน 5 ไตรมาส โดยไตรมาส 4 ปี 2565 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงสุดที่ 591 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 2 ปี 2566) บริษัทฯปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 512 ล้านบาท สาเหตุที่ปล่อยสินเชื่อได้ยังไม่ถึงเป้าหมายครึ่งปีแรกเนื่องจากบริษัทฯได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์โดยการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่การตลาดทุกสาขาเร่งดำเนินการติดต่อลูกค้าที่มีแนวโน้มค้างชำระค่างวดให้มาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ดังนั้น จึงอาจเกิดผลกระทบกับชวงเวลาที่เจ้าหน้าที่การตลาดต้องหายอดธุรกิจไปบ้าง อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่เหลือครึ่งปีหลังนี้ซึ่งถือเป็นช่วง high season ของการปล่อยสินเชื่อ บริษัทฯเชื่อว่าจะสามารถผลักดันสินเชื่อใหม่ให้ได้ได้ตามเป้าหมายที่ 2,400 ล้านบาท


ด้านคุณภาพสินเชื่อ อัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non Performing Finance : NPF) ของบริษัทฯยังคงสามารถควบคุมไว้ได้ที่ระดับไม่เกินร้อยละ 4.00 โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 อัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPF) เท่ากับร้อยละ 3.99


สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 33.93 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน (๕๐Q) จำนวน 9.37 ล้านบาท ลดลงคิดเป็น 21.64 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทฯมีผลดำเนินงานกำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสก่อนอย่างมีนัยสำคัญคือการเพิ่มขึ้นของรายการเงินกันสำรองหนี้ฯหรือผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss : ECL) ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 11.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 19.02% ซึ่งเป็นผลจากการที่มีลูกค้า overdue มากขึ้น การไหลตกชั้นจาก stage 1 (ค้างชำระ 0-1 งวด) มาอยู่ stage 2 (ค้างชำระ 2-3 งวด) เพิ่มขึ้น ทำให้การกันสำรองหนี้ฯต้องเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอัตราการกันสำรองหนี้ฯของ Stage 2 ที่ต้องกันสำรองหนี้เพื่อรองรับความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในลักษณะตลอดอายุของลูกหนี้ (Lifetime Expected Loss) ซึ่งการกันสำรองหนี้ฯดังกล่าวมีอัตราก้าวกระโดด ส่งผลให้ลูกหนี้ stage 2 ต้องกันสำรองเพิ่มขึ้นมากขณะที่อัตรา NPF บริษัทฯยังควบคุมไว้ได้ที่อัตราไม่เกิน 4% อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การควบคุมคุณภาพสินเชื่อมีประสิทธิภาพและสามารถลดค่าใช้จ่ายในการกันสำรองหนี้ฯหรือรายการผลขาดทุนด้านเครดิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ได้มากที่สุด บริษัทฯจึงได้กำหนดมาตรการในการบริหารจัดการดังนี้


1) เร่งรัดการปรับโครงสร้างหนี้กับลูกค้าที่อยู่ใน stage 2 เป็นสำคัญ ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2566สามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ได้ประมาณเกือบ 500 ราย โดยเป้าหมายการปรับโครงสร้างหนี้ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯกำหนดไว้ประมาณ 2,500-3,000 ราย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้อัตราการตกชั้นหนี้ของลูกหนี้ลดน้อยลง และลดการกันสำรองหนี้ฯได้ และเป็นการช่วยทำให้ลูกค้ามีความสามารถในการชำระค่างวดดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นไปตามนโยบายของทางการที่ต้องการให้บริษัทฯมีมารตรการช่วยเหลือลูกหนี้


2) เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ทั้งจากผู้ปฏิบัติงานติดตามหนี้ภายในฝ่ายเร่งรัดติดตามสินเชื่อของบริษัทฯ และผู้รับจ้างภายนอก หรือ Outsource Agency (OA) โดยขอให้ความร่วมมือกับบริษัทฯในการติดตามหนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมกับการปรับปรุง Key Performance Indicator (KPI) ที่ใช้กับ OA และทีมงานภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้


3) กำหนดตัวชี้วัดประสิทธิภาพหรือความสำเร็จของผลงาน (Key Performance Indicator : KPI)ทางด้านคุณภาพสินเชื่อให้กับทุกภาคและทุกสาขาเพิ่มเติมนอกเหนือจาก KPI ด้านการตลาด ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่การตลาดสามารถคัดกรองลูกค้าที่มีคุณภาพระดับหนึ่งโดยจะช่วยดูแลและระมัดระวังในเรื่องการให้ข้อมูลของลูกค้าที่ถูกต้อง


4) กำหนดวิธีการเชิงรุกในการติดตามหนี้ โดยให้ผู้ปฏิบัติงานติดตามหนี้เรียกเก็บชำระค่างวดสำหรับลูกค้าที่ overdue ให้เป็นปัจจุบันหรืออย่างน้อยต้องมากกว่า 1 งวด ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สถานะของลูกหนี้ขยับชั้นขึ้นไป


บริษัทฯเชื่อว่ามาตรการตามที่กำหนดข้างต้นจะทำให้ลูกหนี้เลื่อนการจัดชั้นหนี้ (stage) ขึ้นไปได้ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการกันสำรองหนี้ฯ ทำให้ลดการสำรองหนี้ฯลงภายในสถานการณ์ปัจจุบัน


ส่วนเรื่องรายได้จากการให้สินเชื่อ รายได้ลดลงจำนวน 6.37 ล้านบาท ลดลงคิดเป็น 3.13%เนื่องจากมีการตัดหนี้สูญไปจำนวนหนึ่งซึ่งส่งผลให้รายได้ถูก reverse ออกไปประมาณ 9 ล้านบาท ทั้งนี้การตัดหนี้สูญดังกล่าว บริษัทฯจะดำเนินการเพียงเฉพาะคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไตรมาสละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้แนวโน้มรายได้จากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อไป

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X