#AMANAH #ทันหุ้น-บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH  แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในปี 2566 มีกำไร 189.01 ล้านบาท ลดลง 38.98% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 309.76 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมที่ 965.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.98% โดยปัจจัยหลักได้แก่การเพิ่มขึ้นของรายการเงินกันสำรองหนี้ฯหรือผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หรือ ECL ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 99.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 91.85% เป็นผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจและพฤติกรรมของลูกหนี้ที่เปลี่ยนไป อันมีผลมาจากมาตรการ  market conduct ที่บริษัทฯเก็บค่าติดตามจากลูกค้าที่ overdue ได้น้อยลงกว่าเดิมมาก ทำให้ลูกค้าละเลยการชำระค่างวดให้ตรงเวลา

นอกจากนี้ รายการขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายที่ปี นี้มีจำนวน 67.90 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีกำไรจากการด้อยค่าฯจำนวน 9.99 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ราคารถยนต์มือสองที่เปลี่ยนแปลงลดลงมา โดยตลอดตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/65 ประกอบกับบริษัทฯมีการเร่งรัดติดตามรถยนต์กลับคืนจำนวนมากจากลูกค้าที่ค้างชำระและไม่มีความสามารถในการชำระค่างวดหรือไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะปรับโครงสร้างหนี้ได้ , รายการต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจำนวน 33.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น คิดเป็น 42.46% ซึ่งเป็นผลจากสถาบันการเงินมีการปรับอัตรากำไรวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้น และบริษัทฯมีการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้น ตามยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มากขึ้น 

โดยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการปล่อยสินเชื่อทั้งจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว และสินเชื่อจำนำทะเบียน ซึ่งรายได้จากพอร์ตทั้ง 2 ประเภท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของรายได้รวม 

โดยในปี 2566 รายได้จากสัญญาเช่าซื้อและจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 80.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 11.24% ส่วนรายได้ที่ลดลง ได้แก่รายได้และค่าธรรมเนียมลดลงจำนวน 38.42 ล้านบาท ลดลงคิดเป็น 55.92% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดลงของรายได้จากค่าติดตามหรือค่าชดเชยจากการติดตามหนี้ และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่การให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเคยเรียกเก็บจากลูกค้าได้ แต่ปัจจุบันเมื่อมาให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนทำให้ไม่สามารถเรียกเก็บได้ 

ในปี 2566 บริษัทปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 1,836 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 266 ล้านบาทลดลงคิดเป็น 12.65% โดยในไตรมาส 4 สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 จำนวน 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 9.33% 

การปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังที่ลดลง มาจากปัจจัยหลัก 2 เรื่องคือ 1)การเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ตามความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ขอสินเชื่อตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่แนวโน้มรายได้และกำลังซื้อของลูกค้าชะลอตัว ทำให้อัตราการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ลดลง ขณะที่อัตราการปฏิเสธลูกค้า (Rejection Rate) เพิ่มมากขึ้น  2)การมอบหมายให้เจ้าหน้าที่การตลาดเร่งดำเนินการติดต่อลูกค้าที่มีแนวโน้มค้างชำระค่างวดให้มาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่การตลาดต้องหายอดธุรกิจไปพอสมควร

**จ่ายหุ้นปันผล 

คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นจากผลประกอบการปี 2566 ในอัตรา 7 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ คิดเป้นจำนวนหุ้นที่ปันผลจำนวน 148.02 ล้านหุ้น และจ่ายเป็นเงินสดอีก 16.45 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น 164.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 87.02% โดยจะเสนอต่อผู้ถือหุ้นพิจารณาในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 18 เม.ย. 2567 

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1