> SET > SPCG

25 สิงหาคม 2023 เวลา 12:52 น.

SPCGรายได้ทะยานต่อ ค่าFtใหม่-รูฟท็อปหนุน

#SPCG #ทันหุ้น – SPCG ปรับเป้ารายได้ปี 2566 โตต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ราว 4.4 พันล้านบาท อานิสงส์ค่า Ft ใหม่หนุน ยอดขายโซลาร์รูฟท็อปสดใส พร้อมเริ่มเก็บเกี่ยวไฟฟ้าญี่ปุ่นเข้าพอร์ตต่อเนื่อง หนุนรายรับเพิ่ม แถมวางหมากปั๊มกำลังผลิตแตะ 1,000 เมกะวัตต์ ใน 5 ปี


นางสาวรุ่งฟ้า  ลาภยืนยง  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและงบประมาณ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวว่า บริษัทได้ปรับประมาณรายได้ในปี 2566 เป็นเติบโตต่อเนื่อง (จากเดิมที่คาดอ่อนตัว) เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ประมาณ 4.4 พันล้านบาท หลังในช่วงครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีรายได้แล้วราว 2.43 พันล้านบาท ประกอบกับบริษัทมองน่าจะได้จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับอัตราค่าไฟฟ้าแปรผัน (Ft) เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายไฟฟ้าขยายตัว


ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ที่บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR บริษัทในเครือ SPCG ที่ขณะนี้ได้ติดตั้งให้ภาคครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทยขยายตัว อีกทั้งปัจจุบันกำลังเจรจากับอีกหลายโรงงานที่ให้ความสนใจจะติดตั้งด้วย เช่นกัน และคาดส่วนนี้ในปี 2566 จะมีรายได้ประมาณ 1.0-1.5 พันล้านบาท


*ค่า Ft ใหม่หนุน

ทั้งนี้ แม้ในปี 2556 ทางSPCG จะมีโรงไฟฟ้าที่ครบกำหนดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) สิ้นสุดลง จำนวน 14 โครงการ แบ่งเป็น โครงการที่ทยอยหมดสัญญาในครึ่งแรกปีนี้ประมาณ 10-11 โครงการ ส่วนที่เหลือจะหมดสัญญาในครึ่งหลังปี 2566 แต่จากตัวเลขค่า Ft ที่เพิ่มสูงขึ้นและความต้องการไฟฟ้าขยายตัว ส่งผลให้อัตรารับซื้อไฟฟ้ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีราว 4.20 บาทต่อหน่วย และถือเป็นตัวเลขที่สร้างผลตอบแทนของบริษัทได้เป็นอย่างดี


ขณะที่แผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับใช้ในพื้นที่เมืองใหม่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขนาดกำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์  คาดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2566 และคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในช่วงต้นปี 2567  2.โครงการ IMARI Biomass ขนาดกำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์   ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้า Biomass แห่งแรกที่บริษัทได้เริ่มลงทุน


*บุ๊กโรงฟ้าญี่ปุ่นเต็มสูบ

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาโครงการโซลาร์ฟาร์ม Fukuoka Miyako Mega Solar ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 67 เมกะวัตต์(MW) แบ่งเป็น 2 Phase ได้แก่North Phase 23 เมกะวัตต์ (MW) และSouth Phase 44 เมกะวัตต์ (MW) ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ครบทั้ง 2 Phase เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2564 และเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ตามลำดับ โดยโครงการดังกล่าวมีงบการลงทุนทั้งสิ้น 3,140 ล้านเยน หรือประมาณ 805 ล้านบาท โดย SPCG ถือหุ้นที่ 10% คิดเป็นเงินจำนวน 314 ล้านเยน หรือประมาณ 91 ล้านบาท


สำหรับโครงการดังกล่าวมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ FiT 36 เยนต่อหน่วย ระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า North Phase 18.7 ปี และ South Phase 17.8 ปี โดยมี Kyushu Electric Power Co., Inc. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า โดยโครงการดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ในฐานะหนึ่งในบริษัทร่วมทุน ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ ณ เมืองมิยาโกะ ฟุกุโอกะประเทศญี่ปุ่น


*ลุยปั๊มกำลังผลิตเพิ่ม

นอกจากนี้ ในระยะยาวบริษัทยังแสวงหาการลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เน้นพลังงานหมุนเวียนเป็นหลักเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท โดยได้ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปี (ปี2566-2570 จะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์(MW)


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X