#SPCG #ทันหุ้น – SPCG เซ็นสัญญาซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน ร่วมกับ INNOPOWER 36 โครงการในไทย รวมขนาด 260 เมกะวัตต์ คาดออก REC ได้ราว 3.7-4 แสน RECs ต่อปี สร้างรายได้กว่า 20 ล้านบาท ในปี 28567 สำหรับแนวโน้มผลงานปี 2566 มั่นใจเติบโตดีกว่าปีก่อน แม้กว่า 14 โครงการหมด Adder รับอานิสงส์ค่าไฟปรับตัวสูง

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงสัญญาซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) กับบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด หรือ “INNOPOWER” บริษัทในเครือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงาน ซึ่งเป็นผู้แทนในการบริหารจัดการและซื้อขายเเลกเปลี่ยน REC ในระยะเวลา 5 ปี

โดย SPCG คาดว่าโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ทั้ง 36 โครงการ ในประเทศไทย รวมกำลังการผลิตประมาณ 260 เมกะวัตต์ เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะสามารถออก REC ได้ประมาณ 370,000-400,000 RECs ต่อปี ทำให้คาว่าจะเข้ามาช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทได้ในอนาคต และเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงปลายปี 2566 คาดสร้างการรับรู้รายได้ให้บริษัทไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาทในปี 2567

*เป้าลดคาร์บอน 40%

สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย ที่กำหนดเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปีพ.ศ. 2593 และการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608 เป็นต้นไป รวมทั้งได้ยกระดับเป้าหมาย National Determined Contribution หรือ NDC โดยเพิ่มเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเป็น 40% ภายในปีพ.ศ. 2573 อีกด้วย

"เราตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด โดยมีปณิธานในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เป็นพลังงานที่สะอาดทไให้ธุรกิจเราจึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และชุมชนใกล้เคียง ไม่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และไม่มีการปลดปล่อยของเสีย ทำให้เราสามารถลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากกว่า 200,000 ตันต่อปี" ดร.วันดี กล่าว

*ปีทองโซลาร์รูฟ

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ค่าไฟปรับตัวเพิ่มสูงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ภายใต้การบริหารของบริษัทย่อย บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR มีการเติบโตค่อนข้างดี และได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มลูกค้าครัวเรือน และลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคิวงานที่มีในตอนนี้จะทยอยส่งมอบยาวไปถึงปี 2567 ทำให้มั่นใจว่าในปี 2566 นี้ SPR จะมีรายได้ที่มากกว่า 1,000 ล้านบาท

แม้ในปี 2556 บริษัทจะมีโรงไฟฟ้าที่ครบกำหนดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) สิ้นสุดลง จำนวน 14 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่ทยอยหมดสัญญาไปแล้วในช่วงครึ่งแรกปีนี้ประมาณ 10-11 โครงการ ส่วนที่เหลือจะหมดสัญญาในครึ่งหลังปีนี้ แต่จากตัวเลขค่า Ft ที่เพิ่มสูงขึ้นและความต้องการไฟฟ้าขยายตัว ส่งผลให้อัตรารับซื้อไฟฟ้ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีราว 4.20 บาทต่อหน่วย และถือเป็นตัวเลขที่สร้างผลตอบแทนของบริษัทได้เป็นอย่างดี

*รายได้นี้โตแกร่ง

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะขยายตัวดีต่อเนื่อง และยังคงมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 จะยังเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน โดยบริษัทยังคงได้รับส่วนแบ่งผลตอบแทนตามการลงทุนจากโครงการโซลาร์ฟาร์ม Fukuoka Miyako Mega Solar ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 67 เมกะวัตต์ (MW)

ด้านแผนการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับใช้ในพื้นที่เมืองใหม่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขนาดกำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์นั้น ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมีความล่าช้ากว่ากำหนดไปมาก แต่คาดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2566 และคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในช่วงต้นปี 2568 อย่างไรก็ดี อยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญในการลงทุนด้านพลังงานสะอาด เร่งหาแนวทางลดช่องว่าในการดำเนินอนุมัติใบอนุญาตต่างๆ เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถเดินหน้าได้

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1