#BYD #ทันหุ้น-BYD จับตาปี 67 ผลงานพลิกกลับมาเติบโต หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ คงเป้าปี 66 ธุรกิจ Wealth Management ขยายตลาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารแตะที่ระดับไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าไปได้สวย คาดสิ้นปีมีรถบัสในบรรจุกว่า 1.8 พันคัน

นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD เปิดเผยว่า จากการเดินหน้าการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทคาดว่าในปี 2567 จะได้เห็นการเติบโตของผลการดำเนินงานในทิศทางที่ดีขึ้นได้ ตามการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการลงทุนไปในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างเต็มที่มากขึ้น รวมถึงยังเดินหน้าธุรกิจหลักทรัพย์ที่เป็นธุรกิจหลัก

ปรับกลยุทธ์

โดยแผนการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2566 นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพร้อมในการให้บริการทุกรูปแบบและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ในส่วนของผลตอบแทนจากการปล่อยมาร์จิ้นโลนเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการบริหารต้นทุน ขณะที่ปรับกลยุทธ์ในเรื่องของ Investment Banking ทำให้มีงานเข้ามาต่อเนื่อง สร้างผลประกอบการเชิงบวกให้แก่บริษัทเพิ่มอีกด้วย

ในส่วนธุรกิจ Wealth Management มองว่าในช่วง 6 เดือนหลังยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายการขยายตลาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (Asset Under Advice: AUA) ไว้แตะที่ระดับไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท จากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ที่ทำได้แล้วกว่า 3,900 ล้านบาท คาดว่าในส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2,100 ล้านบาท จะพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายในช่วงที่เหลือของปีนี้

ทั้งนี้ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารแบ่งออกเป็น กองทุนส่วนบุคคล Private Fund กองทุนรวม (Mutual Fund) และหุ้นกู้ ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังคงวางแผนเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการสร้างการเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์เดิม\มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนขายให้กับบริษัทหลักทรัพย์แล้วกว่า 17 ราย และคาดว่าในช่วงเดือนตุลาคม 2566 จะมีอีก 1 รายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วน Private Fund บริษัทจะเดินหน้าหาพันธมิตรรายใหม่เข้ามาเสริมธุรกิจเพิ่มเติม

ตามปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นส่งผลให้บริษัทมองว่าภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า

ลุยรถบัสไฟฟ้า

สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทได้มีการเข้าไปลงทุนในบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด หรือ TSB เพื่อขยายธุรกิจเป็นการให้บริการธุรกิจขนส่งมวลชนสาธารณะ ที่ใช้ยานพาหนะที่เป็นไฟฟ้า ทั้งรถบัสไฟฟ้า (e-Bus) และเรือไฟฟ้า (e-Ferry) นั้น คาดว่าภายในช่วงสิ้นปี 2566 จะมีรถบัสบรรจุเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 1,800 คัน แม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4/2566 อาจมีการชะลอตัวเนื่องจากมีบางส่วนที่อยู่ในการเจรจา

ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญในการบริหารและจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม ด้วยจำนวนรถบัสบรรจุที่มีเพิ่มมากขึ้น อาจพ่วงมาด้วยต้นทุนค่าเสื่อมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งก็จะเป็นโจทย์ที่บริษัทต้องสร้างการเติบโตของรายได้ให้ทันกับต้นทุนค่าเสื่อมที่เพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ ธุรกิจรถบัสไฟฟ้ายังสามารถสร้างรายได้จากการโฆษณาเข้ามาให้กับบริษัทได้เพิ่ม ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการเติบโตที่ดี ทั้งจากฝั่งการขายเองและฝั่งเอเจนซี่

ส่วนการขายคาร์บอนเครดิตเป็นอีกอัพไซด์ที่บริษัทได้รับจากธุรกิจขนส่งมวลชนสาธารณะ จะให้คาร์บอนราว 238,800 ตันคาร์บอนต่อปี ส่วนเรือจะอยู่ที่ 12,220 ตันคาร์บอนต่อปี ทำให้รวมทั้งปีคาดว่าจะมีคาร์บอนไม่ต่ำกว่า 250,000ตันคาร์บอน และจะเดินหน้าในกระบวนการต่อไป คาดว่าจะสามารถได้ รับการรับรอง ได้ในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จึงพร้อมที่จะขายส่วนจะขายช่วงได้ขึ้นอยู่กับราคาความเหมาะสม และให้ได้ราคาดีที่สุด