#BYD #ทันหุ้น - BYD ยันฐานะการเงินแข็งแกร่ง กองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NC) ที่ 2.9 พันล้านบาท และอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ที่ 863% ของบริษัทหลักทรัพย์เกินเกณฑ์มาก ไม่ต้องกังวล ธุรกิจโบรกเกอร์มาร์เก็ตแชร์เพิ่ม ยังมีดีล IPO ในมือ ยอมรับสภาพคล่องลดลง ตามสภาวะตลาด เชื่อจะมีจังหวะฟื้นตัว และเป็นโอกาสลงทุน ส่วนธุรกิจรถไฟฟ้า เดินหน้าไตรมาส 4/2566 รับรถกว่า 300 คัน บรรจุรถตามแผน คาดปี 2568 ไทยสมายล์บัสกลับมากำไร มองโอกาสขยายเส้นทางสัมปทานรถเพิ่ม

นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD เปิดเผยว่า บริษัทขอยืนยันถึงสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทหลักทรัพย์ ว่ามีสถานะการเงินอยู่ในระดับที่ดี โดยดูได้จากกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NC) ที่ 2.9 พันล้านบาท

 และในส่วนของอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ที่ 863% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ทำให้ไม่ต้องกังวล ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจโบรกเกอร์ (มาร์เก็ตแชร์) ขยับขึ้นมาอันดับที่ 32 แล้ว ถือว่ามีอันดับที่ดีขึ้นจากการขยายเข้าไปในหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งในส่วนของตลาด IPO ที่เป็นส่วนช่วยผลักดันส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้น

*กระจายความเสี่ยงลงทุน

แต่ปัจจุบัน ยอมรับว่าตลาด IPO อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง จากสภาวะตลาดที่ค่อนข้างเปราะบาง จากปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องสงคราม ค่าเงิน ราคาน้ำมัน เป็นต้น ล้วนเป็นปัจจัยกดดันตลาดทุน นักลงทุนมีการลดพอร์ตการลงทุน ทำให้ปริมาณการซื้อขายต่อวัน (วอลุ่มเทรด) ลดลงไปด้วย อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่ คงเป็นช่วงของการ Wait & See เพื่อรอดูสถานการณ์ให้มีความมั่นใจมากกว่านี้

แต่ทั้งนี้ก็อยากให้นักลงทุนเตรียมความพร้อมหากมีจังหวะในการลงทุน และสภาวะตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น ก็จะเป็นโอกาสอีกครั้ง โดยปัจจุบันแนะนำนักลงทุนวางแผนแบบกระจายความเสี่ยง (Diversification) คือ กลยุทธ์กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อย่างตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดทุนในระยะนี้ อีกทั้งช่วงนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ก็อาจเป็นโอกาสในการใช้กองทุนเข้ามาบริหารภาษีช่วงปลายปี

ในส่วนธุรกิจ Wealth Management อาจจะเห็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย โดยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (Asset Under Advice: AUA) ทั้งในส่วนของ กองทุนส่วนบุคคล Private Fund กองทุนรวม (Mutual Fund) และหุ้นกู้ แต่บริษัทเชื่อว่าธุรกิจดังกล่าวยังมีโอกาสเติบโตได้ดี คาดว่าปีหน้าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้น

 ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมความพร้อมในการเพิ่มทีมทำงาน การวางแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการสร้างการเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์เดิมมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องของการบริหารจัดการ IPO อาจจะต้องวางแผนการทำงานร่วมกับโบรกเกอร์อื่นมากขึ้น เพื่อให้ IPO เข้าตลาดหุ้นในช่วงเวลาที่ดี และสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน

*ธุรกิจไฟฟ้ายังดีต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทได้มีการเข้าไปลงทุนในบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด หรือ TSB เพื่อขยายธุรกิจเป็นการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะที่ใช้ยานพาหนะที่เป็นไฟฟ้า ทั้งรถบัสไฟฟ้า (e-Bus) และเรือไฟฟ้า (e-Ferry) ซึ่ง ปัจจุบันได้มีการทยอยบรรจุรถอย่างต่อเนื่อง แม้ไตรมาส 3/2566 จะมีการบรรจุไม่เยอะมากนัก แต่ในช่วงไตรมาส 4/2566 จะทยอยรับมอบรถต่อเนื่องกว่า 300 คัน เพื่อบรรจุรถตามแผนจนถึงช่วงปีหน้า

เชื่อว่า ผลประกอบการของ ไทยสมายล์บัส จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และกลับมามีกำไรในช่วงปี 2568 และยังมองโอกาสในการเข้าไปประมูลสัมปทานหรือเดินรถเอกชนต่อยอดด้วย เพื่อสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทเพิ่มเติม รวมไปถึงการมองหาพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจ

ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญในการบริหารและจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม ด้วยจำนวนรถบัสบรรจุที่มีเพิ่มมากขึ้น อาจพ่วงมาด้วยต้นทุนค่าเสื่อมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งก็จะเป็นโจทย์ที่บริษัทต้องสร้างการเติบโตของรายได้ให้ทันกับต้นทุนค่าเสื่อมที่เพิ่มเข้ามา พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีอัพไซด์จากการขายคาร์บอนเครดิตที่บริษัทได้รับจากธุรกิจขนส่งมวลชนสาธารณะ โดยคาดว่าปีหน้าจะมีรายได้จากส่วนนี้เข้ามา

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=