#CCP #ทันหุ้น – CCP มองแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/2566 ความต้องการใช้คอนกรีตเพิ่มสูง มีแรงหนุนจากงานภาครัฐลุยสร้างเมกะโปรเจ็กต์ เดินหน้าส่งสินค้าโกยรายได้ หลังยกระดับการผลิตคุณภาพสูงขึ้น เพราะเดินหน้าหางานใหม่เพิ่มต่อเนื่อง รักษาแบ็กล็อกไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 3/2566 มีสัญญาณที่ดี จากการที่ภาครัฐเร่งเดินหน้าก่อสร้างงานโครงการเมกะโปรเจ็กต์ทั่วประเทศ งานโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ เร่งการก่อสร้างเพื่อส่งมอบงานให้เป็นไปตามกำหนดเวลาที่วางไว้ ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
และอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิต ของนักลงทุนต่างชาติตั้งโรงงานในประเทศไทย ผลักดันให้เกิดการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้น หนุนความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เพิ่มขึ้น อาทิ บ่อพัก รางระบายน้ำ ท่อระบายน้ำขนาดพิเศษ
*ลุยประมูลงานใหม่
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ลงทุนเครื่องจักรใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้ารับงานหลากหลาย ช่วยลดต้นทุนแรงงาน ลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต เพิ่มความสามารถทำกำไร อีกทั้ง พัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ คอนกรีตสำเร็จรูป ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ทั่วประเทศ อาทิ กำแพงกันดินรุ่นใหม่ และ แผ่นทางเท้า รุ่นใหม่
โดยบริษัทยังเดินหน้าพร้อมประมูลงานภาครัฐ-เอกชน จากทั่วประเทศ รวมถึง งานโครงการระยะสั้นที่สามารถรับรู้รายได้เร็วเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 2,600 ล้านบาท
ทั้งนี้จากผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1,484.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,248.88 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 49.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 537%
*ทยอยส่งมอบงานต่อเนื่อง
โดยรวมผลประกอบการปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัททยอยส่งมอบสินค้าได้มากขึ้น หลังจากที่หลายโครงการมีการหยุดชะงักการก่อสร้างและเริ่มกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ รวมถึงสามารถประมูลงานเข้ามาเพิ่มเติมและจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 – 4 ปี 2566 อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ปรับตัวดีขึ้นมาก
อย่างไรก็ดีความคืบหน้าการร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการคลังสินค้า เขตปลอดอากร (Free Zone) ในโซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคาร และขอใบอนุญาต ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเฟสแรกได้ภายในไตรมาส 4/2566 ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม